การเทรดฟอเร็กซ์คืออะไร?

เชื่อว่าถึงตอนนี้นักลงทุนหลายคนอาจจะรู้จักการลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ไปไม่มากก็น้อย แต่สำหรับมือใหม่นั้น เราขออธิบายสั้นๆ ว่าการเทรดหรือลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์คือการเดินพันกับการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าสกุลเงิน ที่ถูกจับมาเทียบมูลค่ากัน โดยทั่วไปแล้ว การจับคู่นี้จะเป็นการจับคู่ของสกุลเงินหลักที่เป็นฐานเศรษฐกิจของโลกอย่างเช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และแคนาดา เป็นต้น

ถ้าหากคุณคิดว่าเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกามีความเข้มแข็งมากกว่าสหภาพยุโรป? คุณจะเลือกถือครองดอลลาร์สหรัฐที่ถูกนำไปเทียบกับสกุลเงินยูโร และถ้าหากคุณอ่านเกมถูก กำไรก็จะเป็นของคุณ เช่นเดียวกัน หากคุณคิดว่า Brexit จะทำให้เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรแข็งแกร่งในระยะยาว คุณจะเลือกถือสกุลเงินปอนด์ก็ได้

การแข็งค่าและอ่อนค่าของแต่ละสกุลเงินนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่แต่ปัจจัยภายในของแต่ละประเทศเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับกระแสการเปลี่ยนแปลงในระดับโลกด้วย ยกตัวอย่างเช่นการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ที่ถึงแม้ว่าจะเกิดขึ้นในแอฟริกา แต่เมื่อพบผู้ติดเชื้อรายแรกในสหรัฐเมริกา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ร่วงลงทันที พร้อมทั้งการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ หรือการพบผู้ติดเชื้อใหม่ในยุโรปก็ทำให้สกุลเงินยูโรนั้นอ่อนค่า

การลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์หรือสกุลเงินนั้นมีหลากหลายวิธี คุณอาจจะเริ่มจากการติดตามข้อมูลข่าวสารต่างประเทศ แล้วนำมาวิเคราะห์ความเป็นไปได้ว่าสกุลเงินนั้นๆ จะแข็งค่าอ่อนค่าหรือไม่ ไปจนถึงการหาความรู้ การอ่านตำราการวิเคราะห์ทางเทคนิค แล้วนำมาประยุกต์ใช้เข้ากับตลาดแห่งนี้ เมื่อคุณมีคำตอบในใจแล้วว่าสกุลเงินไหนจะทำกำไรให้กับคุณ คุณก็เข้าไปถือสกุลเงินนั้น หากคุณเห็นว่าสกุลเงินไหนกำลังจะทำให้คุณขาดทุน ก็ขายสกุลเงินนั้นทิ้ง ขอเพียงคุณไม่หยุดที่จะฝักใฝ่หาความรู้ คุณจะได้ทราบข้อดีข้อเสีย เปรียบเทียบระหว่างตลาดฟอเร็กซ์กับตลาดหุ้น และตลาดลงทุนอื่นๆ รวมไปถึงวิธีการเลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่น่าเชื่อถือ และการพิจารณาจุดเข้าลงทุนที่ถูกต้องเหมาะสม

ข้อดีของการลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นมีอะไรบ้าง?

ตลาดแห่งนี้ไม่เคยหลับไหล

หนึ่งในข้อได้เปรียบหลักๆ ที่ทำให้นักลงทุนในปัจจุบันหันมาลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์มากขึ้นคือนอกจากวันเสาร์ อาทิตย์ แล้ว ตลาดแห่งนี้เปิดให้ลงทุนได้ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันทำการ ที่สำคัญ ค่าธรรมเนียม (หรือในทีนี้เรียกว่าค่าเสปรด) ในการวางคำสั่งซื้อขายถือว่าต่ำมาก เรื่องนี้ถือว่าสำคัญมากสำหรับนักลงทุน เพราะนั่นหมายถึงโอกาสในการวางคำสั่งซื้อขายจะมีมากขึ้น ในขณะที่ตลาดหุ้นเปิดปิดในแต่ละวันเป็นเวลา และก็ไม่ใช่ทุกคนที่มีเงินทุนมากพอที่จะเข้าสู่ตลาดหุ้นได้

ปริมาณการซื้อขายในแต่ละวันสูง ค่าธรรมเนียมต่ำ

อีกหนึ่งสิทธิประโยชน์ของตลาดฟอเร็กซ์คือตลาดแห่งนี้มีสภาพคล่องสูงเนื่องจากปริมาณการซื้อขายในแต่ละวันทั่วโลกนั่นมีเยอะมาก อย่าลืมว่าโลกเรามีการแลกเปลี่ยนสกุลเงินเกิดขึ้นทุกวัน ผู้คนต้องทำธุรกิจ เดินทาง ซื้อของออนไลน์ นักลงทุนต้องลงทุนในตราสารต่างประเทศ นักลงทุนรายย่อยนักลงทุนสถาบันกำลังหาช่องทางลงทุนในตลาดเกินใหม่ ทุกกิจกรรมเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นการแลกเปลี่ยนมูลค่าของสกุลเงิน การที่ตลาดๆ หนึ่งมีสภาพคล่องที่สูงมากนั้นหมายความว่าการจับคู่ของผู้ซื้อและขายก็จะมีความง่ายตามไปด้วยเช่นกัน และนั่นจึงทำให้ค่าธรรมเนียมมีราคาถูก

อย่างที่ได้บอกไปก่อนหน้านี้ว่าการที่ค่าธรรมเนียมในการวางคำสั่งซื้อขายต่ำ เปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยสามารถลงทุนได้มากขึ้น ถ้าหากลองเอาวิธีนี้ไปใช้กับตลาดหุ้น รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องเจอกับต้นทุนค่าธรรมเนียมเกินกว่าที่จะรับไหว (ถ้าไม่ใช่คนรวย) การลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ถึงแม้ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมผ่านค่าสเปรดให้กับโบรกเกอร์ แต่ค่าธรรมเนียมนั้นก็ยังถือว่าถูกมาก และสร้างโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยได้มากกว่าอยู่ดี

ระบบเลเวอเรจคือตัวสร้างความแตกต่าง

โบรกเกอร์อนุญาตให้ลูกค้าทำการซื้อขายด้วยเลเวอเรจ เนื่องจากต้นทุนในการเทรดต่ำ เมื่อทียบกับนักลงทุนจำนวนมากที่ทำการซื้อขายแลกเปลี่้ยนสกุลเงินทุกวัน ที่สำคัญ ความเสี่ยงจากการลงทุนในสกุลเงินหลักยังมีน้อยอีกด้วย

เลเวอเรจในตลาดฟอเร็กซ์นั้นเหมือนกับการซื้อบ้านหรือแฟลต คุณสามารถซื้อบ้านขนาดใหญ่ด้วยเงินฝากเริ่มต้นเพียงเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น ในบางตลาด คุณสามารถซื้อบ้านมูลค่า $500,000 ด้วยเงินฝาก $50,000; ธนาคารจะให้คุณยืมส่วนที่เหลือ โบรกเกอร์เช่น ATFX ก็ใช้วิธีการเดียวกัน แต่ที่นี่ คุณสามารถฝากเงิน $1,000 เพื่อวางคำสั่งซื้อขายมูลค่า $100,000 ได้หากคุณต้องการ

ประโยชน์ของระบบเลเวอเรจคือ หากโบรกเกอร์ใดก็ตามมีการจัดสรรเลเวอเรจได้ดี การเขยับของราคาเพียงเล็กน้อยของคู่สกุลเงิน 0.1% สามารถเปลี่ยนเป็นกำไร 1% หรือ 10% หรือแม้แต่ผลตอบแทน 100% แต่ในทางกลับกัน ข้อเสียของการใช้เลเวอเรจคือมันสามารถทำร้ายคุณได้อย่างรวดเร็วเมื่อคุณขาดทุน ดังนั้นการซื้อขายด้วยเลเวอเรจสูงต้องใช้เวลา ประสบการณ์ และความสามารถในการยอมรับความเสี่ยง จึงจะสามารถคุมและเลือกเลเวอเรจที่เหมาะสมกับเราได้

ความเสี่ยงจากการถูกแทรกแซงต่ำ

การซื้อขายหุ้นในปี 2020 ในบางครั้งก็มาจากทวิตเดียวในทวิตเตอร์ได้ ถึงตอนนี้ เราทุกคนรู้ดีว่านายอีลอน มัสก์ เจ้าของบริษัทเทสลามีอำนาจเหนือการถือหุ้นในบริษัทของเขา และสร้างกระแสให้กับสกุลเงินดิจิทัล เช่น Dogecoin และ Shiba Inu ได้อย่างไร หรือเหตุการณ์สำคัญๆ ในช่วงก่อนลงจากตำแหน่งของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็เกิดมาจากทวิตเตอร์ทั้งนั้น

ไม่ใช่ว่าการลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ไม่มีความเสี่ยง แต่ความเสี่ยงในตลาดหุ้นนั้นสูงกว่า เนื่องจากนักลงทุนที่มีอิทธิพลและบุคคลที่มีชื่อเสียงด้านสื่ออาจทำให้ราคาหุ้นเคลื่อนตัวไปในทิศทางตรงกันข้ามกับคุณ ความเสี่ยงของการบิดเบือนราคาในตลาดฟอเร็กซ์นั้นต่ำกว่ามาก เนื่องจากตลาดสกุลเงินมีขนาดใหญ่มาก ไม่มีใครสามารถกุมตลาดนี้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ อีกอย่าง การที่คุณสามารถลงทุนได้ในทุกๆ ตลาดจากทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นเอเชีย ยุโรป หรือสหรัฐฯ เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถคิดกลยุทธ์การเทรดได้หลากหลายกว่าตลาดหุ้น

ไม่เสียสมาธิไปกับการดูข้อมูลหลายๆ อย่างพร้อมกัน

การซื้อขายในตลาดฟอเร็กซ์คือจับตาดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองในไม่กี่ประเทศอย่างเช่นสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น แน่นอน คุณสามารถเพิ่มสวิตเซอร์แลนด์ ตุรกี สวีเดน นอร์เวย์ และเม็กซิโกได้หากต้องการ แต่เทรดเดอร์าส่วนใหญ่เน้นที่ประเทศที่เป็นเศรษฐกิจหลักของโลกเท่านั้น

ในขณะที่นักลงทุนในตลาดหุ้นจำเป็นต้องจับตาดูข้อมูลบริษัทอื่นๆ อีกหลายบริษัท และในแต่ละไตรมาส คุณอาจมีข่าวใหญ่ที่สามารถเปลี่ยนแปลงแนวโน้มราคาหุ้นบางตัวได้เป็นเวลาหลายเดือน

ความเสี่ยงในการเทรดฟอเร็กซ์

จนถึงปัจจุบัน การลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ทั้งในแง่ของเวลาและผลตอบแทนก็ยังเอื้อให้แก่นักลงทุนมากกว่า อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าโอกาสในการเทรดที่เห็นในตลาดฟอเร็กซ์ หมายความว่าคุณจำเป็นต้องลงทุนเวลามากขึ้นในการเรียนรู้วิธีการเทรด เพราะถ้าไม่ทำ มีความเสี่ยงสููงที่จะขาดทุน นอกจากนี้ คุณจะต้องให้เวลาในการเทรดมากขึ้น

ในทางกลับกัน การลงทุนในตลาดหุ้นจะมีเสถียรภาพมากหากคุณยึดติดกับการลงทุนในหุ้นชื่อดัง ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องลงทุนในระยะเวลาเท่ากัน และหากคุณเก็บหุ้นไว้ในระยะยาว คุณก็จะสามารถทำเงินได้ ในการลงทุนของคุณ

อย่างไรก็ตาม คุณอาจไม่ได้ทำเงินมากเท่ากับนักเทรดฟอเร็กซ์ที่มีประสบการณ์ ดังนั้น หากคุณมีเวลาและความหลงใหลในการเรียนรู้เกี่ยวกับการเทรด การลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ก็สามารถให้ผลตอบแทนได้ (เผลอๆ อาจจะมากกว่า) วิธีที่ดีที่สุดคือการเลือกโบรกเกอร์ที่มีโปรแกรมการฝึกอบรม หรือแสวงหาการศึกษาจากโบรกเกอร์ที่มีประสบการณ์ เราจะพูดถึงประเด็นนี้มากขึ้นในหัวข้อถัดไป

วิธีการเลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์?

การเลือกตลาดลงทุนและค่าสเปรดให้เหมาะสมกับตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ

หลายคนอาจมีความคิดว่าโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่ไหนก็เหมือนๆ กัน คำตอบคือเป็นทั้งใช่และไม่ใช่ในเวลาเดียวกัน จริงอยู่ว่าโบรกเกอร์ทุกวันนี้มีคู่สกุลเงินหลักในเลือกเทรดแทบจะเหมือนกันหมด แต่ถ้าไปดูในรายละเอียดจริงๆ แล้วจะพบว่าแต่ละโบรกเกอร์มีเงื่อนไข และให้ค่าสเปรดสำหรับการเทรดไม่เหมือนกัน จุดนี้ถือว่าสำคัญมาก และอาจจะเป็นอุปสรรคหรือตัวเสริมสำคัญกับกลยุทธ์การเทรดของแต่ละคน นักลงทุนสายสวิงเทรดต้องการพื้นที่สำหรับการวางคำสั่งซื้อขาย นักลงทุนประเภทนี้ในบางวันอาจจะเทรดคู่สกุลเงินหลักอย่าง EUR/USD แต่ก็อาจจะมีบางวันที่เปลี่ยนมาเทรดคู่สกุลเงินที่ไม่ค่อยเห็นกันบ่อยอย่างเช่น USD/ZAR (ดอลลาร์สหรัฐเทียบแรนด์แอฟริกาใต้)

หากสมมุติว่าคุณเป็นนักลงทุนที่ต้องการความผันผวนน้อย สิ่งที่คุณจะตามหาคือการลงทุนในคู่สกุลเงินหลัก และค่าสเปรดที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ บางโบรกเกอร์เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถเจรจาต่อรองค่าสเปรดสำหรับกลยุทธ์การลงทุนของคุณโดยเฉพาะได้เลย แต่พวกเขาอาจจะต้องการหลักฐานยืนยันอย่างเช่นความถี่ในการฝากเงิน และลักษณะการเปิดคำสั่งซื้อขายที่เคยทำมาก่อนในอดีต

ทุกวันนี้ โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ไม่ได้มีเฉพาะคู่สกุลเงินให้เลือกลงทุนเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่นโบรกเกอร์ ATFX ที่นี่คุณสามารถลงทุนในตลาดดัชนี คริปโตเคอเรนซี่ ทองคำ น้ำมัน สินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆ และหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ชื่อดังของโลกได้ เท่ากับว่านักลงทุนมีโอกาสลงทุนกับตลาดใดก็ได้ มีโอกาสในการทำกำไรมากขึ้น ในปี 2020 หากคุณได้ลงทุนกับ ATFX คุณจะสามารถทำกำไรจากตลาดคริปโตฯ และดัชนีแนสแด็ก 100 ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ

หากคุณสนใจในการลงทุนด้วยอินดิเคเตอร์ทางเทคนิค หรือตัวช่วยเทรดอัตโนมัติ คุณจำเป็นจะต้องลงทุนผ่านแพลตฟอร์มการลงทุนอย่างเมต้าเทรดเดอร์ 4 (MetaTrader 4)

ถึงแม้จะมีนักลงทุนบางคนยืนยันว่าถ้าจะเทรดให้ดี ต้องมีเลเวอเรจเยอะ คำพูดนั้นอาจจะเป็นความจริงสำหรับสไตล์การเทรดของเขา แต่ไม่ใช่กับของทุกคน ส่วนใหญ่แล้วเลเวอเรจสูงสุดที่ 15 เท่าของจำนวนเงินที่มีในพอร์ตของนักลงทุนก็ถือว่าเพียงพอแล้ว (อาจจะมีบางโบรกเกอร์ที่ให้สูงสุดถึง 500 เท่า) อย่างไรก็ตาม ต้องจำไว้ว่าเลเวอเรจที่สูงในบางครั้งก็เปิดโอกาสให้เราขาดทุนได้มากเช่นกัน ดังนั้นค่าเฉลี่ยของเลเวอเรจสูงสุดสำหรับนักลงทุนทั่วไปในความเห็นของเราคือ 15-100 เท่าก็เพียงพอแล้ว

ข้อกำหนดทางกฎหมาย

ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่นักลงทุนมือใหม่หลายคนสนใจแต่ว่าโบรกเกอร์ที่เลือกนั้นมีเงื่อนไขเลเวอเรจสูงต่ำเท่าไหร่ ให้ขีดจำกัดของเลเวอเรจเอาไว้ที่ 500 เท่าหรือมากกว่านั้นหรือไม่ พวกเขาเอาแต่สนใจสิ่งที่ตัวเองจะได้ จนลืมสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาอย่างยิ่งคือเงื่อนไขทางกฎหมายของแต่ละโบรกเกอร์ ที่มาที่ไปของพวกเขา ซึ่งประเด็นเหล่านี้ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ และความเชื่อมั่นว่าสมควรเอาเงินไปฝากไว้กับบุคคลที่สามกลุ่มนี้มากน้อยเพียงใด

รู้หรือไม่ว่าเพื่อที่จะให้ได้เงื่อนไขเลเวอเรจ 500 เท่า และกดค่าสเปรดให้ลงไปใกล้เคียงกับศูนย์มากที่สุด บางโบรกเกอร์ใช้วิธีเลี่ยงข้อจำกัดทางกฎหมายในประเทศ และหันไปเปิดโบรกเกอร์ในพื้นที่ต่างประเทศ พวกเขาจะเลือกประเทศที่ไม่เป็นที่รู้จักมากเท่าไหร่ มีเงื่อนไขทางกฎหมายน้อย บางโบรกเกอร์ถึงขนาดปกปิดข้อมูลของผู้ที่เป็นเจ้าของโบรกเกอร์ เอาเงินฝากของลูกค้าไปจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงาน ทำงบสำหรับการตลาด ซึ่งพฤติกรรมในลักษณะนี้ถือว่ามีความเสี่ยงต่อเงินทุนเป็นอย่างมาก

จากประสบการณ์ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการฟอเร็กซ์มาหลายปี โบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้จะต้องมีใบอนุญาตจากสองหน่วยงานนี้ หนึ่งคือ Financial Conduct Authority (FCA) ของสหราชอาณาจักร และ Cyprus Securities and Exchange Commission (Cysec) สองหน่วยงานนี้มีความน่าเชื่อถือสูง เพราะพวกเขาจะไม่ออกใบอนุญาตให้ ถ้าไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าโบรกเกอร์นั้นมีเงินทุนหมุนเวียนมากพอต่อการดำเนินธุรกิจ ที่สำคัญ พวกเขายังมีเงื่อนไขด้วยว่าโบรกเกอร์ที่จะได้รับอนุญาตต้องแยกบัญชีเงินฝากของลูกค้าและงบการเงินของบริษัทออกจากกัน ยิ่งไปกว่านั้น การได้ใบอนุญาตจากหน่วยงานทั้ง FCA และ CYSEC ถือเป็นเรื่องยาก ดังนั้นผู้ทำธุรกิจเกี่ยวกับโบรกเกอร์จึงนิยมที่จะคอยต่ออายุใบอนุญาตอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ลูกค้าได้ความเชื่อมั่นไปในตัวด้วย 

ปัจจัยอื่นที่สมควรพิจารณาในการเลือกโบรกเกอร์

การให้ความรู้แก่นักลงทุน

อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กับความเร็วในการทำธุรกรรม ค่าเปรด การให้บริการลูกค้า และเงื่อนไขทางกฎหมายคือ ระบบและเครื่องมือการให้ความรู้การศึกษาเกี่ยวกับการลงทุน ซึ่งถ้าเป็นโบรกเกอร์ที่ให้ความสำคัญแก่ลูกค้าจริงๆ พวกเขาจะมีระบบที่ยอมสละเวลาให้ความรู้แก่ลูกค้า ดีกว่ายอมให้ลูกค้าขาดทุนโดยไม่รู้ว่าสาเหตุแห่งความล้มเหลวนั้นคืออะไร

จริงอยู่ว่าในโลกอินเตอร์เน็ตในปัจจุบันนั้นเต็มไปด้วยข้อมูลมากมายที่สามารถสอนให้ผู้อ่านรู้จักพื้นฐานเบื้องต้นของการลงทุน และก็เป็นความจริงอีกเช่นกันที่มือใหม่สมควรมีพื้นฐานเหล่านี้ และควรอย่างยิ่งที่จะทดสอบความรู้เหล่านั้นกับบัญชีเงินสมมุติ เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการเทรด และความเสถียรของระบบในแพลตฟอร์มนั้นๆ อย่างไรก็ตามการเอาความรู้เหล่านั้นมาใช้ในสนามเทรดจริง กลับเป็นสิ่งที่ต่างออกไปโดยสมบูรณ์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คุณมักจะเห็นภาพนักลงทุนมือใหม่ที่เอาเงินมาทิ้งเล่นกับสนามที่พวกเขายังไม่มีความรู้มากพอ แต่กลับกันคนที่รวยขึ้นๆ กลับเป็นผู้ที่ชักนำพวกเขาให้เข้าสู่โลกการลงทุน 

ในการหาโบรกเกอร์ที่มีโครงการมอบความรู้การศึกษาเกี่ยวกับการลงทุน อย่างน้อยที่สุดที่โบรกเกอร์เหล่านั้นต้องมีคือเปิดให้บริการมาแล้วอย่างน้อยห้าปี บุคคลากรในองค์กรต้องสามารถให้คำแนะนำ รวมถึงกลยุทธ์ด้านการลงทุนใ้ห้กับลูกค้าได้ ยกตัวอย่างเช่นโบรกเกอร์ ATFX ที่นี่พวกเขามีการมอบกลยุทธ์และการศึกษาที่สามารถนำไปทำกำไรได้จริง โปรแกรมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากคือ ATFX Premium คอร์ส ที่สาธิตการเทรดด้วยบัญชีเงินจริง ที่ ATFX ยังมีเครื่องมือรองรับสำหรับผู้ที่ต้องการหาความรู้เกี่ยวกับการลงทุนอย่างเช่น TradingCentral และ AutoChartist สำหรับอินดิเคเตอร์สำเร็จรูป ATFX มี อินดิเคเตอร์ Support & Resistance และตัวช่วยคำนวณขนาดคำสั่งซื้อขายที่เหมาะสมให้กับคุณ

โดยสรุปแล้ว

เรเวอเรจที่สูงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์แล้ว และไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่นักลงทุนมือใหม่จะมีความสามารถนั้นได้ในช่วงแรก ดังนั้นสิ่งแรกที่นักลงทุนมือใหม่ควรทำคือหาความรู้ เลือกโบรกเกอร์ที่ดี มีระบบการศึกษาที่เหมาะสม และได้เรียนรู้ในระยะยาว โบรกเกอร์ที่ไม่สมควรเข้าไปยุ่งเลยคือโบรกเกอร์ที่เริ่มดำเนินธุรกิจจากพื้นที่ห่างไกล ไม่สามารถตรวจสอบเจ้าของบริษัทได้อย่างชัดเจน และมีเงื่อนไขการเทรดที่ดูดีเกินกว่าที่จะเป็นจริงได้

ตลาดฟอเร็กซ์คือพื้นที่แห่งโอกาส ที่แห่งนี้สามารถสร้างกำไรที่มั่งคั่งให้กับคุณได้ และก็สามารถพรากทุกสิ่งไปจากคุณได้เช่นกัน คุณสามารถเข้ามาลงทุนกับตลาดแห่งนี้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันทำการ ที่สำคัญมีค่าธรรมเนียมในการวางคำสั่งซื้อขายต่ำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ตลาดหุ้นไม่สามารถทำได้