เงินมูลค่า $640 ล้านเหรียญของกองทุนชื่อดังเกรย์สเกลที่ออกจากตลาดไปแสดงให้เห็นว่านักลงทุนมีความกังวลเรื่องมูลค่าของบิทคอยน์
กราฟ BTCUSD รายวัน
ราคาของ BTC ได้ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดล่าสุดที่อยู่สูงกว่า 70,000 ดอลลาร์ และมีความเสี่ยงที่จะลดลงต่ำกว่า 60,000 ดอลลาร์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ระดับ 52,000 ดอลลาร์
ขาลงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ตลาดบิทคอยน์มีเงินไหลออกรายวันเป็นประวัติการณ์จาก GBTC ของ Grayscale ซึ่งเป็นกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนที่ใหญ่ที่สุด (ETF) ในวันจันทร์ เกรย์สเกลนำเงินออกจาก GBTC ETF ทำให้มีเงินไหลออกคิดเป็น 642.5 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าข้อมูลที่เป็นสถิติก่อนหน้านี้ที่ 640.5 ล้านดอลลาร์ที่ตั้งไว้เมื่อวันที่ 22 มกราคม ส่วน ETF อื่น ๆ มีการขายบางส่วน เช่น ETF ของ Fidelity ซึ่งเป็นกองทุนที่ใหญ่เป็นอันดับสอง เห็นว่ามีเงินไหลเข้าลดลงเหลือเพียง 5.9 ล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งกองทุน
สถานการณ์เช่นนี้อาจบ่งชี้ว่าการเร่งเก็งกำไรในสินทรัพย์บิทคอยน์ ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นอาจสิ้นสุดลง ปริมาณการซื้อขาย ETF ชะลอตัวลงเหลือ 4.2 พันล้านดอลลาร์ในวันจันทร์ ลดลงจากระดับ 5.5 พันล้านดอลลาร์เหลือ 7.7 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ก่อน และน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณการซื้อขายรายวันที่ 9.9 พันล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 5 มีนาคม
IBIT ETF ของ BlackRock ยังคงเป็นผู้นำในด้านของการมีปริมาณการซื้อขายแลกเปลี่ยน โดยมีมูลค่าถึง 2 พันล้านดอลลาร์ GBTC ของ Grayscale และ FBTC ของ Fidelity ตามมาด้วยจำนวนตัวเลข 1 พันล้านดอลลาร์และ 630 ล้านดอลลาร์
ขณะนี้ ตลาดกำลังรอดูผลการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันพุธ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสินทรัพย์เก็งกำไร ข้อความที่มีความเข้มงวดมากขึ้นจากธนาคารกลางฯ อาจส่งผลกระทบต่อนักลงทุนที่กำลังรับความเสี่ยง และนำไปสู่การปรับฐานของ BTC มากขึ้น
อีเวนต์ใหญ่ครั้งต่อไปของบิทคอยน์คือการ “halving” ในเดือนเมษายน ซึ่งจะลดรางวัลที่ได้จากการขุดลงครึ่งหนึ่ง เพื่อรับมือกับจำนวนเหรียญที่ลดลง นักขุดบิทคอยน์กำลังอัปเกรดเป็นเครื่องขุดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดต้นทุน และหาแหล่งพลังงานที่ถูกกว่า