สินค้าโภคภัณฑ์ สกุลเงินดิจิทัล และตลาด ETF เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่อย่างไม่มีความเคลื่อนไหวมากนัก แต่ยังคสามารถทรงตัวอยู่ในขาขึ้น ที่ได้รับอานิสงส์มากจากการปรับตัวลดลงของรายงานตัวเลข NFP ในสัปดาห์ที่แล้ว สิ่งนี้ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ที่แล้วออกมาอยู่ที่ 390K เหนือที่คาดการณ์ไว้ที่ 325K ในขณะที่อัตราการว่างงานออกอยู่ที่ 3.6% เท่ากับตัวเลขในเดือนก่อนหน้า เช่นเดียวกันตัวรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงที่ 0.3% ซึ่งออกมาเหมือนกับในเดือนที่ผ่านมา ตัวเลขดังกล่าวได้ทำให้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะค่อยๆ ลดลงในสัปดาห์นี้
ราคาทองคำกำลังฟื้นตัวขึ้นหลังจากปรับตัวลดลงไปที่ 1,847 จากระดับสูงสุดที่ 1874 ดอลลาร์ในวันศุกร์ที่แล้ว ขณะนี้ราคาทองคำสามารถวิ่งอยู่สูงกว่า 1854 ดอลลาร์ในช่วงตลาดลงทุนเอเชียเปิดทำการ
โลหะเงิน ซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีการซื้อขายมากที่สุดเป็นอันดับสองรองจากทองคำ กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน และแสดงแนวโน้มขาขึ้นมากขึ้น มีราคาที่สูงกว่า 22.260 ดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกัน ส่วนราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวพุ่งขึ้นไปยัง 117.9 ดอลลาร์ หลังจากแตะจุดสูงสุดใหม่ที่ 119.080 ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
กองทุน ETF– ARGT ปรับตัวขึ้น 1.2% มีราคาซื้อขายอยู่ที่ 30.92 ดอลลาร์ ASHR ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6% มีราคาอยู่ที่ 30.08 ดอลลาร์ และ EFA ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.9% มีราคาอยู่ที่ 67.69 ดอลลาร์ นักลงทุนมองว่าแนวโน้มขาขึ้นอาจดำเนินต่อไปได้ตลอดทั้งวัน เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าลงในช่วงตลาดลงุทนฝั่งเอเชียเปิดทำการวันนี้
ภายใต้สถานการณ์เดียวกัน ตลาดสกุลเงินดิจิทัลได้เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่อย่างไม่มีความเคลื่อนไหวมากนัก บิทคอยน์ยังสามารถยืนเหนือระดับ 30,000 ได้เมื่อเช้านี้ ช่วยให้ altcoins ปรับตัวขึ้นได้เช่นกัน ปัจจุบัน Ethereum มีราคาซื้อขายอยู่เหนือแนวรับที่ 1880 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการปรับตัวขึ้นต่อไปในอนาคต Binance Coin (BNB) วิ่งอยู่เหนือแนวรับ 300 ดอลลาร์
แม้จะมีการเคลื่อนไหวขาขึ้นเล็กน้อยในช่วงที่ตลาดลงทุนฝั่งเอเชียเปิดทำการในวันนี้ นักลงทุนต่างรอดูรายงานตัวเลขของดัชนีราคาผู้บริโภคอย่างใจจดใจจ่อ ที่จะเปิดเผยข้อมูลออกมาในสัปดาห์นี้ ข้อมูลจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จะเป็นตัวกำหนดแนวโน้มตลาดที่เหลือของเดือนนี้ นอกจากจะแสดงให้เห็นว่ามีการลดอัตราเงินเฟ้อในระดับใดแล้ว จะส่งผลกระทบถึงเฟดว่าจะดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในสัปดาห์หน้าหรือไม่