คู่กราฟ EURGBP ปรับตัวสูงขึ้นหลังจากที่รายงานตัวเลขเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วและมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ 10.7% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 41 ปีที่ 11.1%
กราฟ EURGBP รายวัน
กราฟ EURGBP มีราคาซื้อขายเหนือจุดสูงสุดของเดือนมิถุนายน แต่ยังมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นไปยัง 0.8600 แม้ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษจะต้องขึ้นดอกเบี้ยต่อไป แม้ว่านั้นอาจทำให้เงินปอนด์แข็งค่าแต่อาจต้องแลกมากับเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง
ตอนนี้นักลงทุนจะให้ความสนใจกับการรายงบประมาณที่มาจากรัฐมนตรีคลังคนใหม่นายเจเรมี่ ฮันท์ (Jeremy Hunt)
ดัชนีราคาผู้บริโภคพุ่งขึ้นถึง 11.1% ในช่วง 12 เดือนล่าสุดที่นับจนถึงเดือนตุลาคม นี่คือตัวเลขสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 1981 สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) กล่าวเมื่อวันพุธว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือนตุลาคมมีโอกาสจะสูงขึ้นไปอีกที่ประมาณ 13.8% หากรัฐบาลไม่เข้าแทรกแซงเพื่อจำกัดค่าพลังงานในครัวเรือนโดยเฉลี่ยที่ 2,500 ปอนด์ต่อปี
เจเรมี่ ฮันท์จะส่งรายงานงบประมาณที่มีความเข้มงวดฉบับใหม่ในวันพฤหัสบดี ข่าวนี้อาจเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญให้กับเงินปอนด์สเตอร์ลิง เจเรมี่กล่าวว่าเป็นการตัดสินใจที่ “ยากแต่จำเป็น”
“มันเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องช่วยธนาคารแห่งประเทศอังกฤษในการวางนโยบายของพวกเขา ที่มีเป้าหมายทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับไปอยู่ในกรอบเป้าหมาย นี่คือการแสดงความรับผิดชอบกับการเงินของประเทศ” เขากล่าว
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารแห่งประเทศอังกฤษได้กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่ายังมีผลกระทบอีกมากที่จะเกิดขึ้นจากการที่ธนาคารกลางปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และข้อมูลของเจเรมี่จะเน้นย้ำถึงสิ่งนั้น
Ellie Henderson จาก Investec กล่าวว่า “สหราชอาณาจักรอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างพิเศษ ซึ่งรัฐบาลกำลังวางแผนโครงการมาตรการต่างๆ มากมายเพื่อช่วยรักษาสมดุล”
“ขนาดของมาตรการรัดเข็มขัดที่ทางการคลังที่เสนอจะฉุดการเติบโตทางเศรษฐกิจแน่นอน แต่สิ่งที่กำลังจะทำนั้นก็ควรจะลดอัตราเงินเฟ้อลงด้วย เพื่อช่วยให้ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษไม่จำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินเข้มงวดและก้าวร้าว”
นักวิเคราะห์ของ JP Morgan ให้ความเห็นว่า: “ตัวเลขเงินเฟ้อนี้และข้อความที่ส่งออกมาจากธนาคารแห่งประเทศอังกฤษดูไม่น่าสบายใจ … เราไม่เชื่อขนาดนั้นว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงเล็กน้อยจะสามารถกดเงินเฟ้อให้กลับมาอยู่ในกรอบราคาเป้าหมาย 2% ได้”
ตลาดลงทุนจะให้ความสนใจกับรายงานงบประมาณจากเจเรมี่ ฮันท์ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะไม่ซ้ำรอยกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในสมัยของอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงลิซ ทรัสส์