โรคระบาดรอบใหม่กลับมาอีกครั้ง เมื่อมีอัตราผู้ป่วยรายใหม่ในยุโรปและสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ก็กำลังโหมกระหน่ำ ประเทศต่างๆ เช่น ยุโรปและสหรัฐอเมริกา ได้เพิ่มการจำกัดการเข้าประเทศสร้างความกังวลให้แก่นักลงทุน และเชื่อว่าการระบาดระลอกนี้จะส่งผลกระทบต่อความต้องจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค จึงไม่แปลกใจที่เราได้เห็นตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงในวันศุกร์ที่แล้ว ความผันผวนอย่างรุนแรงนี้ยังส่งผลไปถึงตลาดฟอเร็กซ์ ทองคำและราคาน้ำมันระหว่างประเทศที่ปรับลดลงอย่างรวดเร็ว แม้แต่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐยังปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว จากระดับ 97 จุดสู่ 96 จุด
สิ่งที่ขัดความสุขของผู้บริโภคในวัน Black Friday
สิ่งที่ตลาดลงทุนกังวลมากที่สุดเกี่ยวกับการระบาดระลอกนี้คือ วัน “Black Friday” ซึ่งเป็นวันสำคัญของการจับจ่ายใช้สอยหลังวันขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐอเมริกา ผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าจากภาวะเงินเฟ้อทำให้ความต้องการซื้อของ และความสามารถในการจับจ่ายของผู้บริโภคลดลง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจ ร้านค้าและห้างสรรพสินค้า ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่าตลาดการบริโภคภายในสหรัฐฯ ที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญจะกลับสู่ระดับก่อนการแพร่ระบาดได้ยากยิ่งขึ้นไปอีก
สัปดาห์นี้มีข่าวสำคัญทางเศรษฐกิจหลายอย่างให้จับตามอง ยกตัวอย่างเช่นถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ในคืนวันอังคาร ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เขาได้แถลงต่อสภาคองเกรสหลังจากได้เก้าอี้ประธานธนาคารกลางต่อไปอีกเป็นสมัยที่สอง สิ่งที่นักลงทุนให้ความสำคัญมากกว่าตัวเลขการจ้างงานฯ ที่จะประกาศในวันศุกร์นี้คือเจอโรม พาวเวลล์ มีแผนเช่นไรต่อ หลังจากได้เก้าอี้ประธานเฟดในสมัยที่สองมาครองแล้ว
สัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 0.25% แต่ผุ้ว่าการธนาคารกลางฯ ก็ได้กล่าวเองว่าหากในอนาคตเศรษฐกิจของนิวซีแลนด์ยังซบเซา RBNZ อาจจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินที่มีการรัดกุมมากขึ้น หลังจากที่แถลงการณ์จบลง ดอลลาร์นิวซีแลนด์ก็อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ลงไปทดสอบจุดต่ำสุดในรอบสามเดือนที่ 0.6810
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค กราฟ NZD/USD กำลังปรับตัวขึ้นเข้าใกล้กับจุดสูงสุดในเดือนกันยายนที่ 0.6795 แต่หากร่วงลงต่ำกว่าบริเวณนี้ มีโอกาสที่ราคามุ่งหน้าเข้าสู่โซน 38.2% ของ Fibonacci หรือโซนปรับฐานของเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคมปีที่แล้ว มีโอกาสที่ราคาจะทดสอบแนวต้านระยะสั้นที่ 0.6703 จับตาดูโซนราคา 0.6860 และ 0.6900 เอาไว้ ทั้งนี้ทั้งนั้น การขึ้นลงของราคายังขึ้นอยู่กับดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจในเดือนพฤศจิกายน ที่จะประกาศในวันพรุ่งนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจของอเมริกา และถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ