ตลาดขาลง (ตลาดหมี) เป็นช่วงเวลาที่ราคาหุ้นลดลงอย่างต่อเนื่อง นิยามของตลาดหมีคือขาลงที่มักจะมีขนาดประมาณ 20% ห่างจากจุดเริ่มต้นหรือมากกว่านั้น นักลงทุนจำเป็นต้องเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของตลาดขาลง เลือกใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมเพื่อปกป้องพอร์ตการลงทุนและใช้ประโยชน์จากโอกาสที่อาจเกิดขึ้น
บทความนี้นำเสนอกลยุทธ์และเคล็ดลับการลงทุนในช่วงที่เป็นตลาดหมี ซึ่งจะช่วยให้คุณผ่านช่วงเวลาที่ท้าทายเหล่านี้ไปได้
สารบัญ:
1. ทำความเข้าใจปัจจัยพื้นฐานของตลาดขาลง
2. กลยุทธ์การลงทุนสำคัญในตลาดหมี
3. การลงทุนที่คุ้มค่าและการมองเห็นโอกาส
4. สินทรัพย์ที่ปลอดภัยและการลงทุนทางเลือก
5. การบริหารความเสี่ยงและการรักษาเงินทุน
6. มุมมองการลงทุนในระยะยาว
บทสรุป
ทำความเข้าใจปัจจัยพื้นฐานของตลาดขาลง
สาเหตุของตลาดขาลง
สาเหตุการเกิดตลาดหมีมีหลายประการ ยกตัวอย่างเช่นภาวะเศรษฐกิจถดถอย ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงมุมมองของนักลงทุน หรือวิกฤตการณ์ทางการเงินอย่างเช่นตลาดหมีในปี 2008-2009 ที่มีสาเหตุหลักมาจากวิกฤตการเงินโลก ในช่วงต้นปี 2020 ตลาดหมีที่เกิดจาก COVID-19 ก็เป็นผลจากปัญหาหลายๆ อย่างรวมกันเช่นภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจและความกังวลของนักลงทุน
ลักษณะทั่วไปของตลาดหมี
ในช่วงที่ตลาดมีแนวโน้มเป็นขาลง หุ้นมักจะมีมูลค่าลดลง กิจกรรมการซื้อขายอาจลดลง และความไม่แน่นอนของตลาดมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น ระหว่างปี 2000 ถึง 2002 ดัชนี S&P 500 ลดลงประมาณ 50% สาเหตุหลักมาจากฟองสบู่ดอทคอมแตกและความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลง
ระยะเวลาและความรุนแรงของตลาดหมี
ระยะเวลาและความรุนแรงของตลาดหมีอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสาเหตุและสภาวะตลาด ตลาดหมีในปี 1987 ปรับตัวลดลง 22.6% ในดัชนีค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ในวัน Black Monday ซึ่งครอบคลุมช่วงเวลาสั้น ๆ ประมาณสามเดือน เมื่อเปรียบเทียบกัน ตลาดหมีที่มีช่วงอายุตลอดช่วงเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่กินเวลานานประมาณ 34 เดือน นักลงทุนในอดีตเคยเห็นการร่วงลงเกือบ 90% ของดัชนีค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์มาแล้ว
ผลกระทบทางจิตใจต่อนักลงทุน
ในช่วงที่เป็นตลาดหมี ความเชื่อมั่นของนักลงทุนมักส่งผลกระทบต่อการมองโลกในแง่ร้ายมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การเทขาย โดยอาศัยความกลัวและการลดลงของราคาหุ้น หลังจากเหตุการณ์ Black Monday นักลงทุนได้มีแรงเทขายเพิ่มเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ตลาดหุ้นตกต่ำมากขึ้น ปรากฏการณ์นี้ยังพบได้ในช่วง วิกฤตการเงินปี 2008 ซึ่งความหวาดกลัวและความไม่แน่นอนในวงกว้างได้กระตุ้นให้เกิดการเทขาย ที่ทำให้ราคาหุ้นอ่อนค่าลงและทำให้แรงดึงดูดของตลาดหมีรุนแรงขึ้น
กลยุทธ์การลงทุนสำคัญในตลาดหมี
การกระจายความเสี่ยง
ในช่วงตลาดหมี การกระจายการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะวิธีนี้สามารถช่วยลดความเสี่ยงและปกป้องพอร์ตลงทุนของคุณ
นักลงทุนควรให้ความสำคัญไปที่การกระจายสินทรัพย์ไปลงทุนให้หุ้นประเภทต่างๆ ภูมิศาสตร์ และภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อลดผลกระทบจากการชะลอตัวของตลาด
การจัดสรรสินทรัพย์
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพอร์ตลงทุนของคุณมีส่วนผสมของ หุ้น พันธบัตร เงินสด และการลงทุนทางเลือกเพื่อกระจายความเสี่ยงและรองรับตลาดขาลง
ความหลากหลายทางภูมิศาสตร์
ลงทุนในบริษัทและสินทรัพย์จากหุ้นกลุ่มต่างๆ เพื่อลดผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยและตลาดขาลง
การกระจายความเสี่ยงไปยังหุ้นกลุ่มต่างๆ
มีกลุ่มหุ้นมากมายในตลาดลงทุนที่ให้ผลตอบแทนในสภาวะตลาดที่แตกต่างกันเช่น เทคโนโลยี การดูแลสุขภาพ สาธารณูปโภค สินค้าจำเป็น ฯลฯ นักลงทุนสามารถทำกำไรได้จากหุ้นที่แตกต่างกันในช่วงตลาดหมี
หุ้นสายป้องกัน
หุ้นสายป้องกันมีแนวโน้มที่จะทำผลงานได้ดีกว่าในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เพราะการตอบสนองของหุ้นที่มีต่อความผันผวนของตลาดเกิดขึ้นได้น้อยกว่า
อาจเป็นการดีที่จะลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้เพื่อลดความเสี่ยง
ลักษณะของหุ้นป้องกัน
หุ้นสายป้องกันมักสร้างรายได้ที่มั่นคง บริษัทมีงบดุลที่แข็งแกร่ง และมีประวัติการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ
ตัวอย่างของหุ้นสายป้องกันและหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรม
หุ้นสาธารณูปโภค การดูแลสุขภาพ สินค้าจำเป็น และโทรคมนาคม คือตัวอย่างของหุ้นสายป้องกันที่มีแนวโน้มว่าจะทำผลงานได้ดีขึ้นในช่วงที่เกิดตลาดหมี
DCA
DCA หรือ Dollar-Cost Averaging เป็นการทยอยการลงทุนเป็นงวดๆ ด้วยเงินจำนวนเท่าๆ กัน โดยไม่สนใจว่าในเวลานั้นราคาของสินทรัพย์จะเป็นเท่าไร
กลยุทธ์นี้สามารถช่วยให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากจังหวะเวลาของตลาด และลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดที่มีต่อพอร์ตการลงทุน
ความหมายและคำอธิบาย
การถัวเฉลี่ลงทุนเกี่ยวข้องกับการซื้อหุ้นเพิ่มเมื่อราคาตกต่ำ และซื้อหุ้นน้อยลงเมื่อราคาหุ้นสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นความท้าท้ยที่สุดแล้วในแง่ของการเฉลี่ยต้นทุนการลงทุนของคุณ
ข้อดีและข้อเสีย
การถัวเฉลี่ยต้นทุนสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนเงินจำนวนมากในเวลาที่ไม่เหมาะสม แต่อาจให้ผลตอบแทนลดลงเมื่อเทียบกับการลงทุนแบบอื่นๆ ในตลาดกระทิง (ขาขึ้น)
การลงทุนในเงินปันผล
เงินปันผลสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงในช่วงตลาดหมี และช่วยปกป้องพอร์ตลงมุนของคุณจากตลาดขาลง
ความสำคัญของเงินปันผลในตลาดหมี
เงินปันผลสามารถเป็นแหล่งรายได้เพิ่ม พยุงราคาหุ้น และบรรเทาผลกระทบจากการขาดทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นตกต่ำ
เงินปันผลที่ดีจากบริษัทและหุ้นปันผลคุณภาพสูง
จ่ายเงินปันผลที่ดีคือบริษัทที่มีการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 25 ปีติดต่อกัน หุ้นเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะมีเสถียรภาพและมีความยืดหยุ่นในช่วงที่เกิดตลาดหมี
การลงทุนที่คุ้มค่าและการมองเห็นโอกาส
หลักการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
การลงทุนแบบเน้นคุณค่ามีชื่อเสียงโดยนักลงทุนชื่อดังอย่างวอร์เรน บัฟเฟตต์ วิธีนี้คือการซื้อหุ้นที่มีการประเมินต่ำ มีราคาซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงด้วยแนวคิดที่ว่าราคาตลาดของหุ้นกลุ่มนี้จะเพิ่มขึ้นในที่สุด ยกตัวอย่าง การลงทุนของบัฟเฟตต์ใน American Express ในช่วงปี 1960 นั้นขึ้นอยู่กับความเชื่อของเขาที่ว่าบริษัทนั้นถูกประเมินมูลค่าต่ำเกินไปแม้ว่าจะประสบความล้มเหลวชั่วคราวอยู่ก็ตาม ในที่สุดหุ้นตัวนี้ก็กลายเป็นหนึ่งในการลงทุนที่ดีที่สุดของเขา
วิธีการ หาหุ้นที่มีมูลค่าต่ำ
การหาหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่านั้นเกี่ยวข้องกับการค้นคว้าและวิเคราะห์บริษัทต่างๆ เพื่อหาหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง หุ้นเหล่านี้จะปรับตัวขึ้นเมื่อตลาดรับรู้ถึงมูลค่าของหุ้นนั้นๆในที่สุด ยกตัวอย่างเช่นหุ้นของบริษัท Apple Inc. ที่ถูกมองว่ามีมูลค่าต่ำเกินไปในช่วงต้นทศวรรษ 2000 เนื่องจากนักลงทุนมองข้ามศักยภาพในการเติบโตและนวัตกรรมของบริษัท นักลงทุนที่รับรู้ถึงมูลค่าที่แท้จริงของบริษัท Apple และลงทุนในเวลานั้นก็ได้รับผลตอบแทนมากมาย
การประเมินอัตราส่วนและงบการเงิน
ในกาหาหุ้นที่มีมูลค่าต่ำเกินไป ให้ตรวจสอบงบการเงินของธุรกิจและคำนวณข้อมูลทางการเงินที่สำคัญ เช่น อัตราส่วน P/E อัตราส่วน P/B และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล ยกตัวอย่างจากปี 2008 JPMorgan Chase เข้าซื้อกิจการ Bear Stearns ที่อัตราส่วน P/B น้อยกว่า 1 ซึ่งแสดงว่าสินทรัพย์ของบริษัทที่ซื้อมานั้นมีมูลค่าสูงกว่ามูลค่าตลาด นี่ถือเป็นตัวอย่างของหุ้นที่มีมูลค่าต่ำเกินไป
ความอดทนและระเบียบวินัย
การลงทุนแบบเน้นคุณค่าต้องใช้ความอดทนและมีระเบียบวินัย เนื่องจากอาจต้องใช้เวลากว่าที่ตลาดจะรับรู้มูลค่าที่แท้จริงของหุ้นก่อนที่ราคาของมันจะเพิ่มขึ้น ตัวอย่างที่รู้จักกันดีคือ Netflix บริษัทซึ่งถูกตั้งคำถามจากนักลงทุนในช่วงปีแรก ๆ บรรดาผู้ที่ยังคงอดทนและถือหุ้นของพวกเขาต่างได้รับผลตอบแทนมากมายเพราะราคาหุ้นของบริษัทได้เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งสะท้อนถึงมูลค่าที่แท้จริงของบริษัท
สินทรัพย์ที่ปลอดภัยและการลงทุนทางเลือก
พันธบัตรและการลงทุนตราสารหนี้
การลงทุนในตราสารหนี้สามารถช่วยให้นักลงทุนมีแหล่งรายได้ที่สม่ำเสมอ และลดความเสี่ยงจากการลงทุนในช่วงตลาดหมีได้ ยกตัวอย่างเช่นช่วงตลอดวิกฤตการเงินปี 2008 พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เปรียบเสมือนเป็นที่หลบภัยให้กับนักลงทุน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงจาก 4.03% ในเดือนมกราคม 2008 เป็น 2.24% ในเดือนธันวาคม 2008 จากความต้องการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มากขึ้นในช่วงนั้น
ทองคำและโลหะมีค่าอื่นๆ
แนวโน้มราคาของ โลหะมีค่า เช่น ทองคำ จะเพิ่มขึ้นตามมูลค่าท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความปั่นป่วนของตลาดลงทุน ทำให้แร่โลหะมักถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008 ราคาทองคำเพิ่มขึ้นจากประมาณ 869 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในเดือนมกราคม 2008 เป็นมากกว่า 1,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในเดือนธันวาคม 2009 มีความต้องการมากขึ้นในช่วงที่เป็นตลาดหุ้นขาลง
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด
การรักษาพอร์ตการลงทุนของคุณในสินทรัพย์ที่แปลงสภาพได้ง่ายเช่นเงินสดหรือรายการเทียบเท่า จะช่วยให้คุณมีโอกาสใช้ประโยชน์จากการลงทุนในตลาดต่างๆ เมื่ออยู่ในขาลง ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของผู้ใช้กลยุทธ์นี้คือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนระดับมหาเศรษฐี ผู้ซึ่งสามารถลงทุนในสินทรัพย์และบริษัทที่มีราคาต่ำกว่าความเป็นจริงในช่วงวิกฤตทางการเงินในปี 2008 ด้วยเงินสดสำรองเกือบ 25 พันล้านดอลลาร์ที่เขามี
สกุลเงินดิจิทัลและการลงทุนทางเลือกอื่นๆ
สกุลเงินดิจิทัลและเครื่องมือการลงทุนยุคใหม่มีศักยภาพในการสร้างความหลากหลายและผลตอบแทนในตลาดขาลง อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์เหล่านี้มาพร้อมกับความผันผวนและมีความเสี่ยงพอสมควร ในช่วงที่ตลาดหุ้นตกต่ำเพราะการระบาดของ COVID-19 ในปี 2020 ในตอนแรกสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์ปรับตัวลดลงอย่างมาก แต่ในที่สุดก็สามารถดีดตัวกลับมาและได้สร้างจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลในเดือน แม้จะมีคนร่ำรวยจากเหตุการณ์สุดเซอร์ไพรส์นี้ แต่ก็มีคนที่ขาดทุนอย่างมหาศาลเพราะตลาดสกุลเงินดิจิทัลนั้นคาดเดาได้ยาก
การบริหารความเสี่ยงและการรักษาเงินทุน
ความสำคัญของการบริหารความเสี่ยงในช่วงตลาดขาลง
การจัดการความเสี่ยงเชิงรุกเป็นสิ่งสำคัญในช่วงตลาดขาลง เพื่อรักษาเงินทุนและป้องกันการขาดทุนมหาศาล
จุดตัดขาดทุนและเครื่องมือการจัดการความเสี่ยงอื่นๆ
ใช้คำสั่ง stop-loss, trailing stop และ Position sizing เพื่อปกป้องการลงทุนของคุณและจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น
ปรับสมดุลและปรับพอร์ตการลงทุนของคุณ
หมั่นตรวจสอบและปรับสมดุลพอร์ตของคุณเป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่ายังสอดคล้องกับความเสี่ยงและวัตถุประสงค์ในการลงทุนของคุณในช่วงตลาดขาลง
ความสำคัญของการมีทุนสำรองฉุกเฉิน
การมีทุนสำรองฉุกเฉินอาจช่วยหลีกเลี่ยงความจำเป็นในการชดเชยการลงทุนที่ขาดดุลเพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดฝันในตลาดขาลง
มุมมองการลงทุนในระยะยาว
ตลาดหมีและการฟื้นตัวในอดีต
ตลาดหมีเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรตลาดลงทุนตามธรรมชาติ ประวัติศาสตร์การวิ่งของราคาในอดีตได้แสดงให้เห็นว่าโดยทั่วไปแล้วตลาดจะตามมาด้วยตลาดกระทิง และช่วงเวลาของการเติบโตทางเศรษฐกิจ
พลังของดอกเบี้ยทบต้น
การลงทุนระยะยาวและต่อเนื่องในช่วงตลาดขาลง คุณสามารถใช้ประโยชน์จากพลังของดอกเบี้ยทบต้นเพื่อเพิ่มพูนความมั่งคั่งของคุณได้เมื่อเวลาผ่านไป
รับรู้ข่าวสารและพร้อมนำไปใช้อยู่เสมอ
ติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดการเงินและเตรียมพร้อมที่จะปรับกลยุทธ์การลงทุนของคุณอยู่เสมอเมื่อเงื่อนไขต่างๆ เปลี่ยนไป
ความสำคัญของการตัดอารมณ์ออกจากการลงทุน
ไม่ส่งเสริมการตัดสินใจที่เกิดจากความหุนหันพลันแล่น ความกลัวหรือความโลภในช่วงตลาดหมี รักษาแนวทางการลงทุนที่มีระเบียบวินัย และมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายการลงทุนในระยะยาวของคุณ
บทสรุป
ต้องยอมรับว่าการลงทุนในตลาดสภาวะถดถอยนั้นเป็นงานที่ยาก อย่างไรก็ตาม แต่ด้วยการใช้ระบบลงทุนที่เหมาะสม และคงไว้ซึ่งแนวทางระยะยาว เราสามารถปกป้องพอร์ตการลงทุนและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากโอกาสการลงทุนได้ มุ่งมั่น มีความรู้ และจดจ่อกับเหตุผลที่ตัดสินใจมาลงทุน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายและการกลับมาทำกำไรเมื่อตลาดดีขึ้น