สารบัญ:
2. CPI และ Core CPI แตกต่างกันอย่างไร?
3. ดัชนีราคาผู้บริโภคเทียบกับอัตราเงินเฟ้อ
4. CPI ทำหน้าที่เป็นข้อมูลอ้างอิงในการซื้อขายฟอเร็กซ์อย่างไร?
5. CPI ส่งผลต่อคู่ฟอเร็กซ์อย่างไร?
6. CPI ส่งผลต่อสกุลเงินส่วนใหญ่อย่างไร
7. ทำไม CPI จึงมีความสำคัญในการซื้อขายฟอเร็กซ์
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ CPI ด้วยบัญชีทดลองฟอเร็กซ์
ดัชนีราคาผู้บริโภคคืออะไร?
ดัชนี CPI ถูกเทรดเดอร์ฟอเร็กซ์จับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะตัวเลขนี้สามารถบอกโอกาสการลงทุนทั้งในขาขึ้น ขาลง และการป้องกันความเสี่ยง เป็นตัวบ่งชี้การเคลื่อนไหวของตลาดที่สำคัญ ซึ่งเผยให้เห็นถึงแรงกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อและราคาในประเทศทั่วไป
CPI จะวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาเกี่ยวกับตะกร้าสินค้าและบริการโดยเฉลี่ย รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับอาหารและพลังงาน แม้ว่าการอ่านค่าเงินเฟ้อทั่วไปจะไม่รวมข้อมูลอาหารและพลังงานอยู่ในรายการเหล่านี้ก็ตาม
เนื่องจากราคาพลังงานและอาหารมีความผันผวนและได้รับอิทธิพลอย่างมากจากการพาดหัวข่าวทางการเมือง นักเศรษฐศาสตร์จึงชอบตะกร้าผู้บริโภคที่มีความเสถียรมากกว่าเพื่อให้เข้าใจตลาดได้ดีขึ้น
CPI และ Core CPI แตกต่างกันอย่างไร?
การคำนวณดัชนีราคาผู้บริโภคแตกต่างจากการคำนวณของ CPI พื้นฐานตรงที่ CPI พื้นฐานจะไม่คำนวณรวมหมวดหมู่อาหารและพลังงานเชื้อเพลิง เพราะราคาสินค้าเหล่านี้มีแนวโน้มผันผวนสูง การยกเว้นทั้งสองประเภทนี้สามารถช่วยให้เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงของ CPI ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ผลกระทบ | CPI (ดัชนีราคาผู้บริโภค) | ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน |
คำนิยาม | วัดการเปลี่ยนแปลงในระดับราคาของตะกร้าสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการ | ไม่รวมรายการที่มีความผันผวน เช่น ราคาอาหารและพลังงาน ในการคำนวณ CPI |
วัตถุประสงค์ | สะท้อนถึงอัตราเงินเฟ้อโดยรวมในระบบเศรษฐกิจ | ให้การวัดอัตราเงินเฟ้อที่มีเสถียรภาพมากขึ้นโดยการขจัดความผันผวนของราคาสินค้าในระยะสั้น |
ความเกี่ยวข้องของข้อมูล | มีความเกี่ยวข้องอย่างมากต่อการตัดสินใจด้านเศรษฐกิจและการเงิน | เชื่อถือได้มากขึ้นสำหรับการทำความเข้าใจแนวโน้มเงินเฟ้อในระยะยาวและใช้อธิบายการตัดสินใจเชิงนโยบาย |
ความผันผวน | อาจมีความผันผวนมากขึ้นเนื่องจากการคำนวณรวมราคาอาหารและพลังงาน | มีความผันผวนน้อยลงเพราะไม่คำนวณรวมรายการสินค้าที่มีความผันผวน |
ผลกระทบที่เกิดกับตลาด | มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดการเงิน รวมถึงตลาดฟอเร็กซ์ | นักลงทุนในตลาดมักจะให้ความสำคัญกับข้อมูลนี้ใกล้ชิด แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นทันทีอาจเกิดขึ้นน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ CPI ทั่วไป |
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและผู้แสดงความเห็นบางคนไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ เพราะเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการถึงตะกร้าสินค้าและบริการที่ครอบคลุมโดยไม่รวมราคาอาหารและเชื้อเพลิง
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงใช้มาตรวัดเงินเฟ้อพื้นฐานนี้ในการตัดสินใจ แม้ว่าจะมีข้อคัดค้านที่ระบุไว้ก็ตาม
ดัชนีราคาผู้บริโภคเทียบกับอัตราเงินเฟ้อ
เมื่อเวลาผ่านไป ทั้ง CPI และอัตราเงินเฟ้อเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงระดับราคาสินค้าและบริการในระบบเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม มีความแตกต่างบางประการระหว่างดัชนีราคาผู้บริโภคและเงินเฟ้อ:
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) | เงินเฟ้อ | |
คำนิยาม | มาตรวัดที่ติดตามการเปลี่ยนแปลงราคาของตะกร้าสินค้าและบริการในช่วงเวลาหนึ่ง | การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและบริการทั่วไปในระบบเศรษฐกิจในช่วงเวลาหนึ่ง |
วัตถุประสงค์ | บ่งชี้ค่าครองชีพและช่วยวัดกำลังซื้อของผู้บริโภค | สะท้อนถึงอำนาจการซื้อเงินที่ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป |
การวัด | คำนวณโดยใช้ค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าต่างๆ ในตะกร้า | มักแสดงเป็นอัตราร้อยละ |
ความสัมพันธ์ | ใช้เป็นตัวแทนในการวัดอัตราเงินเฟ้อ เพราะจะให้ภาพรวมของการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและบริการในตะกร้าที่นำมาอ้างอิง | เป็นแนวคิดที่กว้างขึ้น ครอบคลุมการคำนวณจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าในภาพรวม ในขณะที่ CPI เป็นหนึ่งวิธีหนึ่งในการวัดค่าเงินเฟ้อ |
ส่วนประกอบ | รวมสินค้าและบริการต่างๆ เช่น อาหาร ที่อยู่อาศัย การขนส่ง และการดูแลสุขภาพ | ใช้กับสินค้าและบริการทั้งหมดในระบบเศรษฐกิจ ไม่ใช่แค่สินค้าและบริการที่รวมอยู่ในตะกร้า CPI |
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ | ส่งผลกระทบต่อนโยบายทางเศรษฐกิจ เช่น อัตราดอกเบี้ยและการจ่ายเงินประกันสังคม โดยขึ้นอยู่กับค่าครองชีพ | มีอิทธิพลต่อนโยบายการเงิน เช่น อัตราดอกเบี้ยและปริมาณเงิน เพื่อควบคุมเสถียรภาพของราคา |
ประเภทดัชนี | มี CPI ประเภทต่างๆ กัน เช่น CPI-U (สำหรับผู้บริโภคในเมืองทั้งหมด) และ CPI-W (สำหรับผู้มีรายได้ค่าจ้างในเมืองและพนักงานเสมียน) | มีการวัดอัตราเงินเฟ้อที่แตกต่างกัน เช่น อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมรายการที่มีความผันผวน เช่น อาหารและพลังงาน |
การเปรียบเทียบช่วงเวลา | เปรียบเทียบราคาตะกร้าสินค้าและบริการในช่วงเวลาที่กำหนด โดยทั่วไปจะเป็นเดือนต่อเดือนหรือปีต่อปี | เปรียบเทียบราคาโดยรวมของสินค้าและบริการในระบบเศรษฐกิจในช่วงเวลาต่างๆ |
ปีฐาน | ใช้ปีฐานในการคำนวณดัชนี โดยตั้งค่า CPI ไว้ที่ 100 สำหรับปีนั้น | ไม่มีการใช้ปีฐานที่เฉพาะเจาะจง แต่การคำนวณอัตราเงินเฟ้อมักจะอ้างอิงช่วงเวลาที่เฉพาะเจาะจงเพื่อการเปรียบเทียบ |
CPI ทำหน้าที่เป็นข้อมูลอ้างอิงในการซื้อขายฟอเร็กซ์อย่างไร?
CPI เป็นตัวบ่งชี้อัตราเงินเฟ้อที่ถูกจับตามองมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ดังนั้นจึงส่งผลกระทบต่อสกุลเงิน USD ดัชนี CPI ถูกทำขึ้นผ่านการสัมภาษณ์และการสำรวจแรงงานในเมือง โดยมีผู้บริโภคในเมืองประมาณ 24,000 รายมาให้ข้อมูลพฤติกรรมการใช้จ่ายกับสำนักงานสถิติแรงงาน (BLS) ในแต่ละไตรมาส ข้อมูลที่ให้ไว้ช่วยให้ BLS ระบุการเปลี่ยนแปลงของราคาเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนหน้า
แม้ว่ากระบวนการจะแตกต่างกันไปในเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ แต่ประเทศเศรษฐกิจหลักส่วนใหญ่จะประกาศข้อมูล CPI กับสาธารณะ ความผันผวนของ CPI อาจส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทต่างๆ ทั่วโลก และทำให้สกุลเงินนั้นแข็งค่าหรืออ่อนค่าลง
CPI ส่งผลต่อคู่ฟอเร็กซ์อย่างไร?
การเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของประเทศหรือข้อมูลเชิงสถิติของ CPI พื้นฐานอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อการประเมินค่าสกุลเงินของประเทศนั้นที่คำนวณเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ มูลค่าของสกุลเงินของประเทศมักจะเพิ่มขึ้นหากข้อมูล CPI หรือ Core CPI เสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด ในทางตรงกันข้าม มูลค่าของสกุลเงินมีแนวโน้มที่จะลดลงหาก CPI หรือ Core CPI ต่ำกว่าที่คาดไว้
ข้อมูล CPI พื้นฐานได้รับความสนใจจากตลาดสกุลเงินมากขึ้น เพราะข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อได้แม่นยำยิ่งขึ้น และไม่มีรายการสินค้าที่มีความผันผวนเช่นอาหารและพลังงานเข้ามาเกี่ยวข้อง นอกเหนือจากตัวเลขล่าสุดแล้ว บางครั้งตลาดฟอเร็กซ์อาจมีความผันผวนเพราะการปรับเปลี่ยนข้อมูลตัวเลข CPI ก่อนหน้านี้
อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น (ซึ่งระบุได้จาก CPI ที่เพิ่มขึ้น) จะทำให้มูลค่าของหน่วยสกุลเงินแต่ละสกุลลดลง เพราะผู้ใช้สกุลเงินนั้นๆ จำเป็นต้องมีเงินมากขึ้นเพื่อซื้อสินค้าชิ้นใดชิ้นหนึ่ง นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของ CPI อาจส่งผลต่อนโยบายการเงินของธนาคารกลาง CPI ที่สูงขึ้นอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งโดยทั่วไปจะทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้นเมื่อความต้องการเพิ่มขึ้น
ในทางกลับกัน อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงอาจส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยลดลง ความต้องการสกุลเงินที่ลดลง กระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มการไหลเวียนของเงิน และกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซา
เมื่อพิจารณาจากความรู้นี้แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่การเปลี่ยนแปลงในตลาดสกุลเงินอาจเป็นผลมาจากการประกาศข้อมูล CPI เมื่อการเคลื่อนไหวเหล่านี้มีความผันผวนมาก ก็มีโอกาสที่จะทำกำไรมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นตามสัดส่วนด้วย
CPI ส่งผลต่อสกุลเงินส่วนใหญ่อย่างไร
สำนักงานสถิติแรงงานอเมริกาจะเผยแพร่ข้อมูลอัปเดต CPI รายเดือนก่อนวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ดอลลาร์สหรัฐอาจแข็งค่าขึ้นหาก CPI ที่รายงานออกมาเกินกว่าการคาดการณ์ของตลาด ซึ่งหมายความว่าอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ในทางกลับกัน หากอัตรา CPI ต่ำกว่าที่คาดไว้ USD อาจอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น
ในเดือนเมษายน 2019 ตัวเลข CPI ของสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 2.0% ซึ่งเกินที่ตลาดคาดการณ์ 0.1% เป็นผลให้คู่ AUDUSD เริ่มสร้างแนวโน้มขาลงใหม่ และส่งผลให้ดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงสู่ระดับแนวรับทางจิตวิทยาที่ $0.6900 ในอีกไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อ CPI อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความผันผวนของราคา แต่ก็ไม่ควรถือเป็นตัวบ่งชี้การเปลี่ยนแปลงราคาแบบแยกย่อย แต่ควรรวมไว้ในกลยุทธ์การลงทุนพื้นฐานที่มีความครอบคลุมมากขึ้น
CPI นั้นไม่ใช่กลยุทธ์การลงทุนแบบแยกเดี่ยว ปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายมีส่วนสนับสนุนแต่ละกลยุทธ์การลงทุนพื้นฐาน ยกตัวอย่างเช่นสภาพอากาศที่รุนแรง เหตุการณ์ทางการเมือง เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจสำคัญระดับโลก และตลาดการเงินอื่นๆ ธนาคารกลางมีเป้าหมายที่จะรักษาระดับเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำ รัฐบาลส่วนใหญ่จะมีการประกาศกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อประจำปี ในทุกๆ ปีนั้น ธนาคารกลางสหรัฐฯ ธนาคารกลางแห่งอังกฤษ และธนาคารกลางออสเตรเลีย จะกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อรายปีไว้ที่ระหว่าง 2% ถึง 3% โดยประมาณ
โดยทั่วไปดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จะมีการประกาศทุกเดือน แม้ว่าบางประเทศเลือกที่จะเปิดเผยข้อมูลรายไตรมาสก็ตาม อย่างเช่นเยอรมนียังให้ข้อมูล CPI เป็นภาพรวมประจำปีควบคู่ไปกับข้อมูลรายเดือน
ทำไม CPI จึงมีความสำคัญในการซื้อขายฟอเร็กซ์
สุดท้ายนี้ CPI หรือดัชนีราคาผู้บริโภคช่วยให้เทรดเดอฟอเร็กซ์มีข้อมูลเชิงปริมาณเกี่ยวกับสถานะของอัตราเงินเฟ้อ สินค้าและบริการของสหรัฐฯ เพื่อให้ทราบถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อของอเมริกาในปัจจุบัน ตัวบ่งชี้นี้จึงมักใช้คำนวณร่วมกับ PPI หรือดัชนีราคาผู้ผลิต
โดยทั่วไป เมื่อธนาคารกลางตัดสินใจว่าจะปรับระดับอัตราดอกเบี้ยของเกณฑ์มาตรฐาน เช่นอัตราเงินกองทุนของรัฐบาลกลาง (Federal Funds Rate) หรืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ (Prime Rate) ผู้กำหนดนโยบายที่ทำงานเกี่ยวกับเงินเช่นธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือคณะกรรมการนโยบายการเงิน (Federal Open Market Committee) จะตรวจสอบตัวเลข CPI และข้อมูลหรือตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเหล่านี้ส้วนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจในเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก่อนจะกระจายไปยังเศรษฐกิจในภาคส่วนอื่นๆ ของอเมริกา ยกตัวอย่างเช่นการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และการกู้ยืมของธนาคารพาณิชย์ การที่อัตราดอกเบี้ยลดลงก็อาจกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ในทางกลับกัน หากเพิ่มขึ้นก็สามารถยับยั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจได้
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ CPI ด้วยบัญชีทดลองฟอเร็กซ์
หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเทรดฟอเร็กซ์ด้วยข้อมูล CPI โดยไม่ต้องลงทุนเงินในชีวิตจริงที่ได้มาอย่างยากลำบาก เราขอแนะนำให้คุณเปิด บัญชีทดลอง ATFX มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินทั้งหมดบนแพลตฟอร์มการลงทุนที่ปลอดภัย เพื่อให้นักลงทุนได้ฝึกฝนกลยุทธ์การลงทุนที่แตกต่างกันออกไป ในขณะเดียวกัน ก็สามารถเรียนรู้จากคำแนะนำของมืออาชีพ หรือฝึกอบรมฟรีที่ ATFX ในโปรแกรมสัมมนาที่บริษัทมีให้ เปิดบัญชีทดลองเทรดของคุณได้ฟรีทันที!