สารบัญ:
การเทรดตามเทรนด์คืออะไร ?
พื้นฐานของการเทรดตามเทรนด์
5 กลยุทธ์การเทรดตามเทรนด์ที่สำคัญ
4 ข้อดีและข้อเสียของการเทรดตามเทรนด์
กรณีศึกษา: การเทรดตามเทรนด์ที่ประสบความสำเร็จ
3 อินดิเคเตอร์ยอดนิยมสำหรับการเทรดตามเทรนด์
บทสรุป
เริ่มต้นเส้นทางการเทรดตามเทรนด์ของคุณไปด้วยกันกับ ATFX
1. การเทรดตามเทรนด์คืออะไร ?
การเทรดตามเทรนด์หรือแนวโน้ม เป็นกลยุทธ์การลงทุนยอดนิยมที่นักลงทุนใช้ในตลาดลงทุนประเภทต่างๆ เช่น หุ้น ฟอเร็กซ์ และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ นักลงทุนใช้กลยุทธ์นี้เพราะต้องการทำกำไรตามแนวโน้มของราคาที่เคลื่อนไหวในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง (ที่เรียกว่าเทรนด์) กลยุทธ์นี้อิงตามสุภาษิตยอดนิยมในวงการที่กล่าวว่า “เทรนด์คือเพื่อนแท้ของคุณ” นักลงทุนจึงมักจะมองหารูปแบบราคาและสัญญาณที่บ่งชี้ว่าแนวโน้มนั้นๆ กำลังเริ่มต้นหรือยังคงดำเนินอยู่ จากนั้นพยายามทำกำไรจากการเคลื่อนไหวนั้น
2. พื้นฐานของการเทรดตามเทรนด์
ก่อนอื่นต้องเข้าใจแนวคิด ความหมาย และพฤติกรรมของแต่เทรนด์ก่อนเพื่อใช้กลยุทธ์การเทรดตามเทรนด์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทั่วไป เทรนด์มีทั้งหมด 3 รูปแบบ
ขาขึ้น
โดดเด่นด้วยชุดของการสร้างสูงสุดที่สูงขึ้นและจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นหรือกระทิง
ขาลง
แตกต่างจากแนวโน้มขาขึ้น แนวโน้มขาลงแสดงรูปแบบของจุดสูงสุดที่ต่ำลงและจุดต่ำสุดที่ต่ำกว่า ซึ่งบ่งบอกถึงแนวโน้มที่เป็นขาลงหรือตลาดหมี
ไซด์เวย์/ไม่เลือกเทรนด์
ไซด์เวย์หรือการไม่เลือกเทรนด์เกิดขึ้นเมื่อราคาสลับระหว่างขาขึ้นและขาลง ติดอยู่ในกรอบราคาระหว่างขาขึ้นและขาลง ที่กำลังต่อสู้เพื่อเป็นฝ่ายควบคุมเทรนด์ เมื่อราคาไม่ปรับตัวขึ้นหรือลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จะสามารถเรียกได้ว่าเป็นการเคลื่อนไหวแบบไซด์เวย์หรือวิ่งอยู่ในกรอบ
แนวโน้มสามารถเกิดขึ้นได้ในกรอบเวลาต่างๆ นักเทรดอาจเชี่ยวชาญในแนวโน้มระยะสั้น (ระหว่างวันหรือสองสามวัน) ระยะกลาง (สองสามสัปดาห์) หรือระยะยาว (หลายเดือนถึงหลายปี) ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดและการยอมรับความเสี่ยง
3. 5 กลยุทธ์การเทรดตามเทรนด์ที่สำคัญ
กลยุทธ์หลายอย่างได้รับการพัฒนาเมื่อเวลาผ่านไปเพื่อใช้ประโยชน์จากการเทรดตามเทรนด์
ซื้อเมื่อราคาย่อตัว
กลยุทธ์นี้คือการซื้อเมื่อราคาย่อตัวหรือเมื่อมี ‘การปรับตัวลดลง’ ในแนวโน้มขาขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าราคาจะปรับตัวสูงขึ้นต่อไป
ขายเมื่อราคาปรับตัวขึ้น
เรื่องนี้ตรงกันข้ามกับ ‘ซื้อเมื่อราคาย่อตัว’ เทรดเดอร์จะเทขายเมื่อราคาดีดตัวกลับขึ้นหรือ ‘เคลื่อนไหว’ ในแนวโน้มขาลง แปลความได้ว่ามีการคาดการณ์ว่าแนวโน้มจะกลับไปเป็นขาลงอีกครั้ง
การตัดกันของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
เทรดเดอร์จะซื้อหรือขายเมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้นและระยะยาวตัดกัน ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นสัญญาณว่าเทรนด์กำลังจะเปลี่ยนทิศทาง
การเทรดด้วยเส้นเทรนด์ไลน์
เส้นเทรนด์ไลน์จะถูกวาดระหว่างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่มีนัยสำคัญบนกราฟราคา โดยปกติแล้ว นักลงทุนจะเข้าเทรดเมื่อราคาวิ่งมาแตะเส้นเทรนด์ไลน์
การเทรดในกรอบราคา
กรอบราคา (Channels) เกิดจากการวาดเส้นเทรนด์ไลน์ 2 เส้น ขนานกันรอบๆ ราคา นักลงทุนมักเข้าซื้อราคาเข้าใกล้เส้นเทรนด์ไลน์ล่าง (แนวรับ) และขายเมื่อเข้าใกล้กับเส้นเทรนด์ไลน์บน (แนวต้าน)
4. 4 ข้อดีและข้อเสียของการเทรดตามเทรนด์
ข้อดีของการเทรดตามเทรนด์ | ข้อเสียของการเทรดตามเทรนด์ |
ศักยภาพในการทำกำไร: หากนักเทรดสามารถระบุเทรนด์ที่ชัดเจนและไปตามเทรนด์ได้สำเร็จ ก็มีโอกาสในการทำกำไรอย่างมาก | สัญญาณเท็จ: บางครั้งสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเทรนด์อาจเป็นเพียงความผันผวนของราคาในระยะสั้น ซึ่งนำไปสู่สัญญาณเทรดที่ผิดพลาด และอาจเกิดการขาดทุนขึ้น |
ความเรียบง่าย: กลยุทธ์การเทรดตามเทรนด์สามารถเข้าใจและนำไปใช้ได้ง่ายกว่ากลยุทธ์การลงทุนอื่นๆ ทำให้เหมาะสำหรับทั้งผู้เริ่มต้นและนักลงทุนที่มีประสบการณ์ | ต้องใช้ความอดทน: เทรนด์สามารถคงอยู่ได้เป็นระยะเวลานาน และโดยปกติแล้ว การจะทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำจำเป็นต้องรอให้เทรนด์นั้นเกิดขึ้นมานานพอสมควร ซึ่งสามารถทดสอบความอดทนของเทรดเดอร์ได้ |
การจัดการความเสี่ยง: การเทรดตามเทรนด์มักจะมีระดับราคาชัดเจน นักลงทุนสามารถวางคำสั่งจุดตัดการขาดทุนได้ วิธีนี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถจัดการความเสี่ยงได้ดี และออกจากตลาดเมื่อเทรนด์กลับตัว ด้วยการตั้งจุดตัดขาดทุนที่เหมาะสม นักลงทุนสามารถจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยการตั้งค่าระดับที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เพื่อออกจากตลาดหากเกิดการเปลี่ยนเทรนด์ | สัญญาณเทรดมาช้าไป: กลยุทธ์การเทรดตามเทรนด์มักจะเคลื่อนไหวขึ้นอยู่กับอินดิเคเตอร์การวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งอาจตามหลังราคาที่เคลื่อนไหวปัจจุบัน กว่าจะระบุเทรนด์ได้ การเข้าลงทุนอาจช้าเกินไป |
ใช้ได้หลากหลาย: การเทรดตามเทรนด์สามารถใช้ได้กับทุกตลาดลงทุน (หุ้น ฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์) และในกรอบเวลาใดก็ได้ (สั้น กลาง ยาว) | ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด: การเทรดตามเทรนด์ทำงานได้ดีที่สุดในตลาดที่มีเทรนด์ที่แข็งแกร่ง ในตลาดที่เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ หรือมีความผันผวนสูง การเทรดตามเทรนด์อาจไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมนัก |
5. กรณีศึกษา: การเทรดตามเทรนด์ที่ประสบความสำเร็จ
ลองพิจารณาเรื่องราวของ Paul Tudor Jones นักเทรดในตำนาน ผู้ประสบความสำเร็จในการเทรดตามเทรนด์ในช่วงที่ตลาดหุ้นขาลงในปี 1987 เมื่อรู้แล้วว่าตลาดเป็นแนวโน้มขาลงรุนแรง โจนส์จึงทำการชอร์ตตลาด ส่งผลให้ได้กำไรจำนวนมากเมื่อตลาดอยู่ในเทรนด์ขาลง
เรื่องราวของเขาเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงพลังของการเทรดตามเทรนด์ และเป็นเครื่องเตือนใจว่าต้องใช้ทักษะ ความอดทน และการวิเคราะห์อย่างจริงจังจึงจะสามารถทำกำไรในช่วงเวลาที่เหมาะสมได้
6. 3 อินดิเคเตอร์ยอดนิยมสำหรับการเทรดตามเทรนด์
อินดิเคเตอร์เป็นมาตรวัดทางสถิติที่นักลงทุนใช้เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา เราสามารถแบ่งอินดิเคเตอร์ออเป็น 2 ประเภทหลักๆ หนึ่งคืออินดิเคเตอร์ที่มีจุดประสงค์เพื่อทำนายการเคลื่อนไหวของราคา และสองอินดิเคเตอร์ประเภทยืนยันเทรนด์
ข้อมูลต่อไปนี้เป็นอินดิเคเตอร์บางตัวที่นักลงทุนสายเทรดตามเทรนด์นิยมใช้บ่อยที่สุด
เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (MA)
เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สร้างขึ้นโดยใช้ค่าเฉลี่ยของราคาที่อัปเดตอย่างต่อเนื่องออกมาเป็นเส้น เส้นค่าเฉลี่ยจะช่วยกรอง “สัญญาณรบกวน” จากความผันผวนของราคาแบบสุ่ม เส้นค่าเฉลี่ย 2 ประเภทที่พบบ่อยที่สุดคือ Simple Moving Average (SMA) เป็นเฉลี่ยราคาในช่วงเวลาที่กำหนด และ Exponential Moving Average (EMA) ซึ่งจะให้น้ำหนักกับราคาล่าสุดมากกว่า เมื่อราคาอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ แสดงว่ากราฟกำลังเป็นแนวโน้มขาขึ้น เมื่ออยู่ด้านล่างเส้นค่าเฉลี่ย แสดงว่าราคากำลังเป็นแนวโน้มขาลง เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สองเส้นที่ตัดกันระหว่างเส้นที่สั้นกว่าตัดกับเส้นที่ยาวกว่า มักจะถูกตีความว่าเป็นการเกิดขึ้นของแนวโน้มใหม่
เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่มีค่าระหว่าง 5 ถึง 20 จะถือว่าเป็นเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น และเส้นค่าเฉลี่ยที่มีค่า 50 ขึ้นไปถือเป็นเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว
หากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้นตัดผ่านเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว แสดงว่าเป็นสัญญาณขาขึ้น ในทางตรงกันข้าม หากทั้งสองเส้นตัดกันลง โดยทั่วไปจะถือว่าเป็นสัญญาณของแนวโน้มขาลง
ดัชนีวัดความสัมพันธ์สัมพัทธ์ (RSI)
RSI เป็นอินดิเคเตอร์ประเภทโมเมนตัมออสซิลเลเตอร์ ที่วัดความเร็วและการเปลี่ยนแปลงของราคาที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ RSI จะมีกรอบตัวเลขระหว่าง 0-100 ที่ใช้ระบุสภาวะตลาดที่มีการซื้อมากเกินไป (overbought) หรือขายมากเกินไป (oversold) เมื่อ RSI สูงกว่าค่า 70 นักลงทุนจะพิจารณาว่าตลาดอยู่ในสภาวะที่มีการซื้อมากเกินไป และในอนาคตอาจมีการย่อตัวกลับลดลงมา ในทางกลับกัน หากต่ำกว่า 30 นักลงทุนจะถือว่าอยู่ในสภาวะที่มีการขายมากเกินไป และในอนาคตอาจมีการดีดตัวกลับขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ในสภาวะตลาดที่เทรนด์ใดเทรนด์หนึ่งมีความแข็งแกร่ง อินดิเคเตอร์ RSI สามารถแช่อยู่ในสภาวะซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไปได้เป็นระยะเวลานาน
หาก RSI สูงกว่า 70 แสดงว่ามีการซื้อมากเกินไป เตรียมพร้อมที่จะขาย แต่หาก RSI ต่ำกว่า 30 แสดงว่ามีการขายมากเกินไป เตรียมพร้อมที่จะซื้อ
Moving Average Convergence Divergence (MACD)
MACD เป็นอินดิเคเตอร์ประเภทโมเมนตัม ที่เคลื่อนไหวตามเทรนด์ที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างเส้นค่าเฉลี่ย 2 เส้น ที่เคลื่อนที่โดยอ้างอิงราคาสินทรัพย์ MACD คำนวณโดยการลบค่า EMA 26 ออกจากค่า EMA 12 เส้น EMA 9 ของ MACD ที่เรียกว่า “เส้นสัญญาณ” จะถูกวาดบนเส้น MACD ซึ่งถ้าหากตัดกันสามารถก่อให้เกิดสัญญาณซื้อและขาย เทรดเดอร์อาจตัดสินใจเข้าซื้อเมื่อ MACD ตัดเส้นค่าเฉลี่ยขึ้น และขาย (short) เมื่อเส้นค่าเฉลี่ยใน MACD ตัดกันลง
หากแท่งเทียนสีเขียวปิดแท่งและเกิดแท่งเทียนสีแดงปรากฏขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเส้น MACD ได้ตัดลงต่ำกว่า 0 แสดงว่านี่คือสัญญาณพร้อมที่จะขาย ในทางตรงกันข้าม หากแท่งเทียนสีแดงปิดแท่งและเกิดแท่งสีเขียวปรากฏขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเส้น MACD ตัดขึ้นอยู่เหนือ 0 แสดงว่าเป็นสัญญาณพร้อมที่จะซื้อ
ATFX เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์การลงทุน เรามี MetaTrader 4 ซึ่งมีความสามารถในการสร้างกราฟที่มีความซับซ้อนขึ้นมา นอกจากนี้ เรายังมีอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคมากมาย ที่สามารถช่วยนักลงทุนในการวิเคราะห์ได้
นักลงทุนสามารถเข้าถึงเครื่องมือต่างๆ ได้ แต่สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าไม่มีอินดิเคเตอร์ตัวใดที่สมบูรณ์แบบ ทุกเทคนิคมีข้อดีและข้อเสีย เราแนะนำให้ใช้การวิเคราะห์หลายรูปแบบร่วมกับกลยุทธ์การลงทุนที่ออกแบบมาอย่างดี
7. บทสรุป
การเทรดตามเทรนด์เป็นกลยุทธ์ที่มีศักยภาพ หากใช้ในสถานการณ์ที่เหมาะสม การเทรดตามเทรนด์สามารถมอบผลกำไรให้มากมาย กุญแจสำคัญในการเทรดตามเทรนด์ที่ประสบความสำเร็จคือการระบุเทรนด์ที่มีความชัดเจนให้ได้ กำหนดเวลาเข้าและออกจากตลาดอย่างแม่นยำ และจัดการความเสี่ยงอย่างมีวินัย สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าแม้เทรนด์สามารถเป็นเพื่อนของเทรดเดอร์ได้ แต่ก็สามารถเปลี่ยนไปได้อย่างรวดเร็วและไม่ทั้งตั้งตัว ดังนั้น การศึกษาหาความรู้อย่างต่อเนื่อง การมีระเบียบวินัย และความสามารถในการปรับตัวยังคงเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเป็นเทรดเดอร์ตามเทรนด์ที่ประสบความสำเร็จ
เริ่มต้นเส้นทางการเทรดตามเทรนด์ของคุณไปด้วยกันกับ ATFX
ใช้ศักยภาพของ แพลตฟอร์ม MetaTrader 4 ด้วยเครื่องมือสร้างกราฟขั้นสูงและอินดิเคเตอร์ที่ใช้ลงทุนตลาดชื่อดัง เรียนรู้และเติบโตด้วยความรู้จากเอกสารการฝึกอบรมที่มีเนื้อหาครอบคลุมของ ATFX และฝึกฝนการลงทุนโดยปราศจากความเสี่ยงบนผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย
อย่าเพียงแค่ฝันที่จะเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ…แต่จงลงมือทำเลย! เปิดบัญชีเงินสมมุติ ของคุณวันนี้ไปด้วยกันกับ ATFX เรามาเริ่มก้าวแรกของคุณในโลกแห่งการลงทุนไปด้วยกัน