ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดีปรับตัวกลับขึ้นมาอย่างมหาศาล หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50 จุดเบสิส สูงที่สุดในรอบ 22 ปีที่ผ่านมา โดยปกติแล้ว ถ้อยแถลงของเฟดเน่าจะทำให้ตลาดหุ้นร่วงลง และไล่นักลงทุนออกไปหาสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงอื่น แต่กลับกลายเป็นว่าข่าวดังกล่าวทำให้ตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ เช่นทองคำและคริปโตฯ ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งหลังจากต้องทนอยู่ในแนวโน้มขาลงมาเป็นเวลานาน
นักวิจารณ์บางคนอธิบายถึงสาเหตุว่าทำไมตลาดถึงมีปฏิกริยาตอบสนองที่ตรงกันข้ามกันเช่นนี้ว่าเกิดขึ้นเพราะถ้อยคำของพาวเวลล์ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เคยคาดการณ์กันเอาไว้ ก่อนหน้านี้นักลงทุนคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นอย่างน้อย 75 จุดเบสิสเลยด้วยซ้ำ
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือประธานเฟดเจอโรม พาวเวลล์ชี้แจงชัดเจนว่าเฟดไม่เคย”พิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% อย่างจริงจัง” ตามที่นักลงทุนหลายคนคาดหวัง เขาอธิบายเพิ่มเติมว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นเพราะเฟดต้องการบรรลุความคาดหวังของตลาด ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะค่อยๆ เดินไปลดเงินเฟ้อ โดยไม่คิดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%
ดังนั้น ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (DXY) จึงร่วงลงมากกว่า 0.90% จากจุดสูงสุดที่ 105
และตลาดหุ้นจึงฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้จากการตัดสินใจของเฟด ดัชนี Dow Jones Industrial (DJI) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.81% คิดเป้นการฟื้นตัว 932 ดอลลาร์ ในขณะที่หุ้น Google ปรับตัวขึ้นขึ้น 4.20% Amazon +1.37% Microsoft +2.91% Tesla +4.77% หรือคิดเป็น 43.37 ดอลลาร์ หุ้น Apple (AAPL) +4.10% คิดเป็น 6.54 ดอลลาร์ Netflix ที่ก่อนหน้านี้ร่วงลงอย่างหนักจากรายงานผลกำไรในไตรมาสที่ 1 ก็สามารถพลิกกลับมา +2.07% คิดเป็นการเพิ่มขึ้น $4.14 และสุดท้าย เมตาแพลตฟอร์ม เจ้าของ Facebook ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.37%
ดัชนีอื่นๆ ก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 2.99% บวกเพิ่มอีก 124.10 ดอลลาร์ ในขณะที่ดัชนี US100 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.41% หรือคิดเป็น 445 ดอลลาร์
ขณะนี้ตลาดกำลังรับกระแสเชิงบวกจากตลาดหุ้นฝั่งเอเชีย ความเชื่อมั่นของตลาดที่มีต่อสินทรัพย์เสี่ยงดูเหมือนว่าเริ่มจะฟื้นตัวกลับขึ้นมาแล้ว