ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น
ในสัปดาห์นี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้กดดันคู่สกุลเงินอื่นๆ ในตลาดเป็นอย่างมาก สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมาจากความกังวลที่มีต่อการรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐอเมริกา ที่จะมีรายงานในวันนี้ ความกังวล ความลังเลใจดังกล่าวทำให้นักลงทุนไม่สามารถตัดสินใจในการลงทุนกับคู่อื่นๆ ได้ และนั่นยังส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นอย่างมากถึง 1.2% ในสัปดาห์นี้ มีราคาอยู่ที่ 103.5 จุดในช่วงที่ตลาดลงทุนฝั่งเอเชียเปิดทำการ นี่คือขาขึ้นของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์เชื่อว่านี่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของขาขึ้นระลอกใหม่ที่จะเกิดขึ้นกับดัชนีดอลลาร์สหรัฐ หากรายงาน CPI ที่จะเปิดเผยข้อมูลออกมาในช่วงตลาดหุ้นนิวยอร์กในวันนี้ ลดลงต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ นั่นอาจจะบังคับให้เฟดต้องดำเนินนโยบายการเงินที่แข็งกร้าวขึ้น และอาจจะประกาศทันทีเลยในการประชุมอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า ส่วนสัปดาห์นี้ หลายสกุลเงินที่จับคู่กับ USD ถูกดันกลับไปสู่จุดต่ำสุดก่อนหน้า
ยกตัวอย่างเช่นกราฟ EURUSD ได้ลงไปทดสอบจุดต่ำสุดใหม่เมื่อวานนี้ที่ 1.06100 เช่นเดียวกับ GBPUSD ที่ลดลงมายัง 1.24790 ในช่วงตลาดลงทุนฝั่งเอเชียในวันนี้ ทองคำและโลหะเงินปรับตัวอยู่ในกรอบราคาแคบๆ ในช่วงสองวันที่ผ่านมา โดยทองคำมีราคาอยู่เหนือ 1840 และโลหะเงินเคลื่อนไหวอยู่ที่ 21.640 ตลาดหุ้นและคริปโตฯ ก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน ตอนนี้นักลงทุนต่างร้อนร้นที่จะนำเงินออกจากตลาดสินทรัพย์เสี่ยง และเมื่อเงินไม่มีที่ไป มันจึงวิ่งกลับเข้าไปอยู่ในธนาคาร ในฐานะเงินสด และนั่นจึงทำให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่ามากขึ้น
ทำความเข้าใจตัวเลข CPI และผลกระทบที่มีต่อตลาดลงทุน
ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index – CPI) จะวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่มอบให้กับผู้บริโภค ข้อมูลรายเดือนโดยสำนักสถิติแรงงานช่วยกำหนดอัตราเงินเฟ้อโดยรวม ผลลัพธ์ของเลขนี้มีความสำคัญเนื่องจากตัวเลขที่สูงขึ้นแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อไม่ได้ลดลง
ดังนั้น การเพิ่มขึ้นของ CPI จะผลักดันให้เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงมากขึ้น ข้อมูลตัวเลข CPI ครั้งล่าสุดคือ 0.3% ในขณะที่ตัวเลขคาดการณ์คือ 0.7% ตัวเลชที่สูงขึ้นจะหมายถึงการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ชั่วคราวจนกว่าจะถึงการประชุมเฟดครั้งต่อไป ตลาดลงทุนจะคาดหวังให้เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย และนั่นจะทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมาอีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีการรายงานข้อมูลตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งจะออกมาพร้อมๆ กับ CPI ทั่วไป
CPI พื้นฐานจะวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการ โดยไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ในระยะหลัง นักลงทุนให้ความสนใจกับ Core CPI มากขึ้น เพราะสามารถใช้วัดเฟ้อได้โดยไม่รวมราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีความอ่อนไหวสูง รายงาน CPI ถือเป็นหนึ่งในมาตรวัดสำคัญในการกำหนดอัตราเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐ สำหรับ Core CPI นักลงทุนคาดการณ์ว่าตัวเลขนี้จะออกมา 0.5% ส่วนตัวเลขก่อนหน้านี้คือ 0.6%
เมื่อรายงานตัวเลข CPI ออกมาแล้ว ผลกระทบใดบ้างที่จะเกิดขึ้นกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์และสกุลเงินดิจิทัล?
ผลลัพธ์ของข้อมูล CPI จะทำให้เกิดความผันผวนอย่างมากในตลาดลงทุน ตัวเลขที่สูงขึ้นจะแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงเพิ่มขึ้นมากกว่าที่จะลดลง ซึ่งจะทำให้นักลงทุนกลับสู่โหมดเสี่ยงไปลงทุนกับตลาดคริปโตฯ และตลาดหุ้น ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจะเปิดทางให้ทองคำและโลหะเงินปรับตัวสูงขึ้น
ในทางกลับกัน หากตัวเลขที่ออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ จะเป็นการบ่งชี้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งก่อนได้ค่อย ๆ ลดอัตราเงินเฟ้อลง ผลกระทบคือค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นและทำให้สกุลเงินอื่นๆ รวมถึงสกุลเงินดิจิทัลและสินค้าโภคภัณฑ์อ่อนค่า