รายงานผลประกอบการของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังอย่างเทสลา (Tesla) ที่สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ไปได้นั้นทำให้ดัชนีหุ้นเทคโนโลยีชื่อดังอย่างแนสแด็กสามารถปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง และราคายังคงยืนยันความแข็งแกร่งด้วยการยืนเหนือระดับราคา 11600 จุด
กราฟ NAS100 รายสัปดาห์
เป้าหมายสำคัญต่อไปของดัชนีแนสแด็กจะอยู่ที่ระดับราคา 12500 และ 13500 จุด
คณะกรรมการนโยบายการเงินของ (FOMC) ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะประชุมเพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยในเย็นวันพุธนี้ นักลงทุนพันธบัตรเชื่อว่าหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้เงินเฟ้อสหรัฐฯ สูงขึ้นด้วย หากมองอีกด้านหนึ่ง เหตุการณ์นี้แสดงถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะสามารถสร้าง soft-landing ได้หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐฯ มากถึง 7 ครั้ง
แม้ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในกลางสัปดาห์นี้ แต่อัตราการคุ้มทุนของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าระยะเวลา 5 ปีก็เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 2.3% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน หลังจากทำจุดต่ำสุดเมื่อสัปดาห์ก่อน มาตรวัดอัตราเงินเฟ้ออีกตัวในพันธบัตรที่เชื่อมโยงกับอัตราเงินเฟ้อ 10 ปีนั้นสูงถึง 2.32% จาก 2.24% ในวันศุกร์
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่านักลงทุนถอนเงิน 490 ล้านดอลลาร์จากกองทุนซื้อขายตราสารหนี้หลัก 5 กองทุนที่เชื่อมโยงกับภาวะเงินเฟ้อ นับเป็นการไหลออกของเงินทุนที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม
อัตราเงินเฟ้อและภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวลงได้กระตุ้นให้เกิดความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในขนาดที่น้อยลงในสัปดาห์นี้ ความคาดหวังนี้เกิดขึ้นในขณะที่ผู้กำหนดนโยบายกำลังประเมินความพยายามในการทำให้เงินเฟ้อเย็นลง อัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้นถึงจุดสูงสุดหลายสิบปีในปีที่แล้ว ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนไหวต่อดอกเบี้ยตกต่ำ ยอดค้าปลีกลดลง และการเติบโตของค่าจ้างก็ลดลง นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
“การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในขนาดที่เล็กลงจะทำให้คณะกรรมการมีเวลาประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งหมดจากการทำนโยบายการเงินแบบตึงตัว ที่ทำมาตลอดจนถึงตอนนี้” มูดี้ส์กล่าวในรายงาน
ขณะนี้ นักลงทุนในตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับขึ้น 25 จุดเบสิส ในการประชุม 2 วันกลางสัปดาห์นี้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง จะเป็นการชะลอการปรับขึ้นเป็นครั้งที่สองติดต่อกัน ที่ผ่านมานั้นผู้กำหนดนโยบายเคยออกมาพูดเกี่ยวกับจุดสูงสุดที่อัตราดอกเบี้ยควรไปถึง แต่จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่ถึงจุดๆ นั้น