ในโลกของการลงทุน มีวิธีและเทคนิคมากมายที่สามารถลงทุนได้กับตลาดน้ำมันดิบ แต่กลยุทธ์การลงทุนใดบ้างที่นักลงทุนรายย่อยทั่วโลกนิยมใช้กันมากที่สุด?
3 กลยุทธ์การลงทุนในตลาดน้ำมันดิบสปอต
1.) อันที่จริงแล้ว การซื้อขายน้ำมันดิบและโลหะมีค่าเช่นทองคำ หรือโลหะเงินนั้นไม่แตกต่างกันมากนัก แต่เมื่อเลือกที่จะลงทุนแล้ว หลายต่อหลายครั้งที่คุณจะต้องตัดสินแนวโน้มราคาในอนาคต ภายใต้สภาวะเงื่อนไขที่มีข้อจำกัด ความแตกต่างระหว่างนักลงทุนแต่ละคนสามารถมองเห็นได้จากความสามารถในการเทรดและการวิเคราะห์กราฟราคา ดังนั้น เทรดเดอร์จะต้องทำความคุ้นเคยกับเทรนด์ในปัจจุบันก่อน เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปตัดสินใจลงทุนอย่างถูกต้อง
2.) ไม่ว่าคุณจะเป็นเทรดเดอร์มือใหม่ที่ยังไม่คุ้นต่อการลงทุนน้ำมันดิบหรือนักลงทุนที่มีประสบการณ์ สิ่งที่ทุกคนจำเป็นต้องมีคือเงินทุนในการเทรดหรือลงทุน เพราะมีเงินทุนจึงทำให้คุณสามารถทำกำไรหรือขาดทุนในตลาดได้ ก่อนลงทุน คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่าจำนวนเงินต้นในบัญชีที่คุณมีต้องไม่หมด และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการขาดทุน คุณจำเป็น (หรือควรจะ) ต้องตั้งค่าจุดตัดการขาดทุน (Stop Loss) ที่สมเหตุสมผลสำหรับการเทรดทั้งหมด นักลงทุนมือใหม่สมควรต้องใช้คำสั่งหยุดการขาดทุนในการเทรดเสมอ แม้ว่าคุณจะมั่นใจในการตัดสินใจมากแค่ไหนก็ตาม
หากไม่มีการตั้งจุดตัดขาดทุนที่เหมาะสม คุณอาจต้องเผชิญกับการขาดทุนในระดับที่ส่งผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุน ในแง่ของตลาดลงทุนนั้น ยังคงมีความแตกต่างที่สำคัญระหว่างการเทรดในตลาดน้ำมันดิบสปอตและการซื้อขายหุ้นของบริษัทที่มีส่วนในกระบวนการผลิตน้ำมัน ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ซื้อได้เฉพาะจังหวะที่มีขาขึ้นเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า นักลงทุนจะไม่สามารถลงทุนได้ในช่วงที่ตลาดเป็นขาลง
3.) หากคุณลงทุนในตลาดน้ำมันดิบสปอต คุณไม่จำเป็นต้องโลภมากเกินไปนัก เพราะตลาดแห่งนี้เปิดให้ลงทุนตลอด 24 ชั่วโมง การวางจุดตัดขาดทุนอย่างสมเหตุสมผล ย่อมดีกว่าการเอาเงินไปละลายเล่นในตลาด เพราะต่อให้คุณสามารถคาดเดาแนวโน้มราคาในอนาคตได้ แต่คุณก็จะไม่สามารถทำนายอนาคตได้อย่างแม่นยำ ในฐานะที่เป็นนักลงทุนเหมือนกัน คุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปในอนาคต ดังนั้น หากราคาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว คุณอาจจะตัดสินใจปิดออเดอร์ก่อนเวลาอันควร แทนที่จะใจเย็น และและปล่อยให้ stop-loss พาคุณออกจากตลาด จำไว้ว่าอย่าโลภเมื่อไหร่ก็ตามที่คิดจะเทรด เพราะความคิดนั้นอาจนำไปสู่การขาดทุนครั้งใหญ่ เมื่อใตก็ตามที่คิดถึงแต่การทำกำไรมหาศาล
ไม่ว่าคุณจะเก่งการวิเคราะห์ทางเทคนิคมากน้อยแค่ไหนก็ตาม ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำสมบูรณ์ ในความเป็นจริงแล้ว การเทรดจำเป็นต้องรวมเอาเทคนิคและเทคโนโลยีหลายอย่างเข้าด้วยกัน เพื่อทำการวิเคราะห์ให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมที่สุด เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ
5 ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มราคาน้ำมัน
น้ำมันดิบเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกมาโดยตลอด และเป็นปัจจัยหนึ่งที่บ่อยครั้งมีผลกับการเมืองระหว่างประเทศ และความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ ดังนั้นราคาน้ำมันดิบจึงได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายประการ ถึงแม้ว่าจะมีผลิตภัณฑ์พลังงานใหม่ที่สามารถทดแทนน้ำมันดิบได้ แต่พลวัตของการเมืองระหว่างประเทศที่มีต่อน้ำมันดิบจึงมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลกมาโดยตลอดนอกจากนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างระดับอุปสงค์อุปทานของน้ำมัน ยังคงเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่มีส่วนกำหนดราคาน้ำมันดิบ นอกจากการเมือง และระดับอุปสงค์อุปทาน ปัจจัย 5 ประการต่อไปนี้ มักจะส่งผลกับราคาน้ำมันอยู่เสมอ
1.) ภูมิรัฐศาสตร์ของชาติผู้ผลิตน้ำมัน
ตะวันออกกลางเป็นภูมิภาคแห่งการผลิตน้ำมันดิบที่มีชื่อเสียงมาโดยตลอด ประเทศอย่างเวเนซุเอลาหรือบางประเทศยังเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตน้ำมันดิบทั่วโลกด้วย การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ทางการเมืองในตะวันออกกลางเป็นพื้นฐานสำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่เปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด นโยบายของกลุ่มประเทศผู้ผลิตและส่งออกน่ำมัน (OPEC) ยังส่งผลกระทบต่อแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในวงกว้างอีกด้วย
2.) ปัจจัยทางธรรมชาติ
สภาพอากาศและปัจจัยทางธรรมชาติอื่นๆ มีอิทธิพลต่อตลาดน้ำมันดิบที่ใช้ในการสร้างพลังงาน สภาพอากาศที่สุดไปทางใดทางหนึ่งขั้วไม่เพียงแต่จะนำไปสู่ความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น แต่ยังอาจขัดขวางการขนส่งน้ำมันเนื่องจากข้อจำกัดในการเดินทาง ทำให้ตราชั่งด้านอุปทานขาดแคลน สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปจากสภาวะโลกร้อนมีแนวโน้มที่จะสร้างความท้าทายในการหาน้ำมันดิบมากยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น
3.) การเติบโตของเศรษฐกิจโลก
เพราะน้ำมันเป็นต้นทุนของสินค้าอุปโภคบริโภค ความสัมพันธ์ระหว่างระดับอุปสงค์อุปทานยังคงเป็นปัจจัยหลักในการกำหนดราคาน้ำมันดิบ เมื่อเศรษฐกิจดี ความต้องการน้ำมันก็เพิ่มขึ้นส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น
4.) ความสำคัญของแหล่งพลังงานสำรอง
ในปี 1970 วิกฤตการณ์หลายครั้งทำให้เกิดสงครามในตะวันออกกลาง นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงด้านภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลก และการเปลี่ยนแปลงของอุปทานน้ำมันในเวลาต่อมา วิกฤตการณ์ดังกล่าวทำให้หลายประเทศที่นำโดยสหรัฐอเมริกาตระหนักถึงความสำคัญของน้ำมันดิบ ในฐานะแหล่งพลังงานระดับโลก เป็นผลให้บริษัทน้ำมันของสหรัฐฯ เริ่มสำรวจแหล่งน้ำมันในประเทศ ซึ่งนำไปสู่การผลิตน้ำมันจากชั้นหิน (Shale Oil) ลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ
5.) การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ
โดยส่วนใหญ่ ธุรกรรมน้ำมันดิบระหว่างประเทศจะชำระด้วยเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นการขึ้นหรือลงของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อความผันผวนในตลาดน้ำมันดิบ
บทความนี้ได้แนะนำประเด็นสำคัญบางประการ ที่ส่งผลต่อแนวโน้มราคาน้ำมันดิบ แม้ว่าในปีที่ผ่านมา ปัจจัยพื้นฐานของตลาดน้ำมันดิบทั่วโลกจะเปลี่ยนแปลงไป แต่เราก็ยังห่างไกลจากการอยู่ในจุดสมดุลของอุปสงค์อุปทานน้ำมัน นอกจากนี้ จากความไม่แน่นอนที่มีนัยสำคัญเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก ทำให้ราคาน้ำมันดิบยังคงผันผวนอย่างมาก ส่งผลให้ตลาดน้ำมันดิบมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง ดังนั้นนักลงทุนที่ต้องการเทรดน้ำมันดิบจึงต้องให้ความสนใจกับข่าวเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด