การเปิดเผยข้อมูลรายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ได้ข้อสรุปว่าคณะกรรมการฯ มีความเห็นชอบที่จะให้ปรับนโยบายการเงินให้มีความตึงตัว รัดกุมมากขึ้น หลังจากที่การประกาศจบลง ตลาดหุ้นสหรัฐฯ น้ำมันดิบ และราคาทองคำต่างพากันปรับตัวลดลง ดัชนีหุ้นเทคโนโลยีอย่างแนสแด็กปรับตัวลดลงมากกว่า 500 จุด ถือเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดภายในวันเดียวในรอบสิบเดือน ไฮไลท์ของการประชุมครั้งนี้คืออะไร?
ณ ตอนนี้ขนาดบัญชีงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นจนสามารถแตะตัวเลข $8.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือเป็นการสร้างสถิติใหม่ ในขณะเดียวกัน ตลาดลงทุนก็มีความกังวลถึงวันเวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากการลด QE สิ้นสุดลง
สำหรับระยะเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนของธนาคารกลางสหรัฐฯ ตอนนี้ตลาดลงทุนมากกว่า 80% เชื่อว่ามีโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดภายในเดือนมีนาคม และตอนนี้ตลาดลงทุนกำลังพูดถึงเรื่องจำนวนครั้งที่ธนาคารกลางฯ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่รายงานการประชุมของ FOMC ออกมา ดอลลาร์สหรัฐและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลฯ ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขานรับการทำนโยบายการเงินแบบตึงตัว อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี สามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดได้ถึง 1.7787% สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2021 กดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว
ราคาทองคำปรับตัวลดลงจาก $1,823 โดยประมาณลงมายังระดับราคา $1,808 ต่อออนซ์ในช่วงเช้าของการซื้อขายเมื่อวันอังคาร ถ้าหากตลาดลงทุนยังคงให้ความสำคัญกับตัวเลขคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย คาดว่าแนวโน้มขาลงของทองคำอาจจะกลายมาเป็นเทรนด์หลักในระยะยาว
ในขณะเดียวกัน ความกังวลเกี่ยวกับตลาดแรงงานมีเพิ่มมากขึ้น ในแง่ของอัตราการว่างงาน ความสามารถในการหมุนเวียนแรงงานและอัตราการเติบโตของค่าจ้าง ในการประชุมครั้งล่าสุด ผู้มีสิทธิ์วางนดยบายการเงินหลายคนรับทราบข้อมูลเพียงแต่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังฟื้นตัวไปในทางที่ธนาคารกลางต้องการ จึงทำให้คนในเฟดเชื่อว่าถึงเวลาที่ต้องเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย พวกเขาเชื่อมั่นว่าจะสามารถลดเงินเฟ้อให้กลับลงมาอยู่ในกรอบราคาเป้าหมายได้ ก่อนที่จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ตลาดลงทุนค่อนข้างเป็นกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการระบาดของโอมิครอนที่มีต่อภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งในรายงานการประชุมฯ ก็ได้ระบุถึงประเด็นนี้เอาไว้ แต่สำหรับตลาดหุ้น พวกเขาได้ก้าวผ่านประเด็นนี้ไปแล้ว สุดท้าย คณะกรรมการฯ บางคนลงความเห็นว่าตราบใดที่การระบาดนี้ยังไม่จบ ก็มีแต่จะสร้างผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจอเมริกา ในแง่ของเงินเฟ้อต่อไป ขึ้นอยู่กับว่าในช่วงเวลานั้นๆ การระบาดจะมากขึ้นหรือน้อยลง