คืนนี้ สหรัฐอเมริกาจะมีการเปิดเผยข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สำคัญเกี่ยวกับอัตราการเติบโตของ GDP จริงในไตรมาสแรก YoY ตัวเลขที่ออกมาก่อนหน้านี้คือ -1.50% และครั้งนี้ตัวเลขที่ประเมินเอาไว้คือ -1.40% ผู้เชี่ยวชาญหลายคนคาดการณ์ว่าถ้าตัวเลขออกมาเช่นนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างเป็นทางการ เพราะการที่อเมริกาต้องเผชิญกับความท้าทายระดับมหภาค ที่ไม่สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็วหลายประการ จึงทำให้นักลงทุนจึงมีความกังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับข้อมูล GDP สุดท้ายในช่วงไตรมาสแรก
การคาดการณ์อัตราการเติบโตของ GDP ในไตรมาสที่สองของสหรัฐอเมริกานั้นไม่มีข่าวดีเลย การคาดการณ์ของ Atlanta United Bank แสดงให้เห็นว่าการเติบโตของ GDP ในประเทศของไตรมาสที่สองอาจเป็นศูนย์ ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอยู่ในภาวะถดถอย หากการเติบโตของ GDP ของสหรัฐฯ ติดลบติดต่อกัน 2 ไตรมาส แสดงว่าเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในภาวะถดถอย
Goldman Sachs ยังคงประมาณการการเติบโตของ GDP ของสหรัฐฯ ในไตรมาสที่สองเอาไว้เท่าเดิมที่ 2.8% แต่ลดคาดการณ์การเติบโต ที่เคยคิดว่าจะเริ่มต้นจากไตรมาสที่สามของปี 2022 เป็นไตรมาสแรกของปี 2023 โกลด์แมนแซคส์มีความเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยมากขึ้นใน ในอีกสองปีข้างหน้า จากโมเดลการคำนวณของธนาคารมีความเป็นไปได้ที่ผลลัพธ์ดังกล่าวจะเป็นจริงเพิ่มขึ้นเป็น 48%
ข้อมูลล่าสุดจากแบบจำลองการคาดการณ์ GDPNow ของ Atlanta United Bank ซึ่งเผยแพร่ออกมาในวันที่ 7 มิถุนายนพบว่าอัตราการเติบโตประจำปีของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหรัฐอเมริกา (GDP) ในไตรมาสที่ 2 ไถูกปรับจาก 1.3% เป็น 0.9% การคาดการณ์ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ค่อนข้างใกล้เคียงกับภาวะถดถอย หลังจากที่หดตัวลดลง 1.5% ในไตรมาสแรก
ข้อมูล GDP ที่กำลังจะรายงานจะมีความสำคัญต่อแนวโน้มของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ แม้จะมีการเก็งว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนหน้า แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นไปได้ที่อาจจะได้เห็น 0.50% มากกว่า หลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นสูงสุดที่ประมาณ 3.5% ในเดือนมีนาคม 2023 สมมติว่าธนาคารกลางสหรัฐค่อยๆ ลดหรือยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอนาคต จะส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า
สมมติว่าข้อมูลที่ออกมาแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย การเติบโตเป็นศูนย์หรือติดลบ ในสถานการณ์เช่นนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกจะยิ่งเป็นไปได้น้อยลง เนื่องจากเฟดจะไม่เลือกเสียสละการเติบโตทางเศรษฐกิจเพื่อขึ้นอัตราดอกเบี้ย เป็นผลให้ขนาดของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอาจจำเป็นต้องลดลง ดังนั้น การชะลอตัวของข้อมูลทางการเงินเมื่อเร็วๆ นี้จะเป็นปัจจัยลบต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ในทางกลับกัน หากข้อมูล GDP สหรัฐออกมาสูงเกินความคาดหมายของตลาด เฟดก็มีแนวโน้มที่จะตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงมากขึ้น ซึ่งอาจช่วยให้เงินดอลลาร์อข็งค่า
แนวโน้มราคาน้ำมันในสหรัฐอเมริกายังคงอยู่ในระดับสูง แม้ว่าราคาน้ำมันเบนซินจะลดลงในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มสูงขึ้น ทีมบริหารของไบเดนต้องการลดราคาน้ำมันโดยห้ามการส่งออกและระงับภาษีน้ำมันเบนซิน อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ซัพพลายพลังงานที่ตึงตัวทั่วโลกในปัจจุบันได้ผลักดันให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น ประกอบกับมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียซึ่งยังคงทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การลดอัตราเงินเฟ้อในระยะสั้นจึงเป็นสิ่งที่ท้าทายเนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลงนั้นจะทำได้ยากเมื่อมีความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน ซึ่งจะช่วยรักษาตัวเลขคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวเลขทางเศรษฐกิจอีกที
ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับค่าเงินดอลลาร์ตอกย้ำถึงความสำคัญของการติดตามว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็นเช่นไร เพราะจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงข้อมูลเศรษฐกิจ ความสำคัญสูงของข้อมูล GDP สำหรับไตรมาสแรกและไตรมาสที่สอง และข้อมูลจากส่วนต่างๆ เพื่อประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปัจจุบันไม่เอื้อต่อการกระตุ้นตลาดหุ้น ซึ่งยังคงซบเซาต่อไป ความคิดเห็นของคนในเฟดจะสะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนของพวกเขาในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย การเปลี่ยนแปลงของความเชื่อมั่นในตลาด จะสามารถนำการรีบาวด์มาสู่ตลาดหุ้นได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับตัวเลขทางเศรษฐกิจและพฤติกรรมความเคลื่อนไหวของราคา